30 มิถุนายน, 2550

Page กับ Site ต่างกันอย่างไร?

วันนี้รู้สึกเน็ตช้ามากก ...จะด้วยสาเหตุจากเครื่องของตัวเอง ฤว่าจาก Isp ไม่แน่ใจ อยากจะเขียนเรื่องอะไรต่อ ...แต่นึกไม่ออก จำได้ว่าเคยพูดถึงเรื่อง Google ค้างไว้ หลายเรื่องด้วยกัน ในบทความ
Google Gadgets คืออะไร
เอาเป็นว่าก่อนจะเข้าเรื่องเหล่านั้น ขอเกริ่นนำก่อนหละกันครับ ก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราท่านรู้ๆ กัน แต่เอามาว่าใหม่เผื่อจะได้ Refresh ความจำครับ (มิว่ากันนะครับ!) วันนี้อยากจะเสนอเรื่องง่ายๆ ดังนี้เลยครับ


Page กับ Site ต่างกันอย่างไร?

  • Site คือ ที่รวบรวม page(หน้า) หลายๆ page ที่เราสามารถเข้าถึงได้โดยใช้ Url เช่น http://yoursitename.googlepages.com
  • Page (ตัวอย่าง เช่น ชื่อ Page คือ "myferret") มีลักษณะเป็นเอกสารเดี่ยว(หน้าเดียว) ที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเรา ด้วย web address ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว (ในกรณีนี้ เช่น http://yoursitename.googlepages.com/myferret)

สรุปแล้ว
"Page" ก็เหมือนหน้าหน้าหนึ่งในหนังสือ ในขณะที่
"Site" ก็เหมือนกับหนังสือทั้งเล่ม ; ทุกๆ Page เป็นส่วนหนึ่งของ Site และ
Site หนึ่งๆ สามารถจุ Page ได้จำนวนมากเท่าที่เราต้องการ


อ้างอิง : http://pages.google.com/-/about.html
* เรื่องต่อไป คือ Google Page Creator
...แล้วพบกันครับ :-)

27 มิถุนายน, 2550

มาแต่ง Blog ด้วยสไลด์กัน ...

จากที่ได้ไปเที่ยวดู Blog ของชาวบ้าน ...ของต่างประเทศแถบตะวันออก แถวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี (โน่นแน๊ะ!) ได้ไปรู้ไปเห็นการแต่ง Blog ของเค้า ทีมีรูปแบบที่แปลกหูแปลกตา ต่างจากของบ้านเรา(มั่ง?) รู้สึกสนใจ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับชาว Blogger โดยทั่วๆไป มิมากก็น้อย
เมื่อได้โอกาศ ผมก็ได้จิ๊กไอเดียการแต่งบล็อกของเค้ามาครับ (... อิ อิ !) ก็เลยมีของแต่งบล็อก มาฝากกัน เป็นประเภทรูปภาพ ที่เอามาทำสไลด์โชว์ ครับ มีอยู่หลายตัวด้วยกัน ลองๆ เลือกกันดูนะครับ
1. slide



2. RockYou!



3. Picturetrail



4. slideroll



5. BubbleShare



6. FilmLoop



7. flickr



** อย่างไรก็ลองเข้าไปดู ...และเลือกใช้ดูนะครับ ผมแปลภาษา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไม่ได้ครับ ก็เลยไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้
-------------------------------------------------------
ขอให้มีความสุขกับการแต่งตัว ...เอ๊ย แต่ง Blog ครับ!

26 มิถุนายน, 2550

บรรดาของแต่ง Blog...ที่ใครๆ ชอบ?


วันหยุด(วิสาขบูชา)ผ่านมานี้ ได้มีโอกาสหลงเข้าไปในชุมชนของ MyBloglog โดยไม่ได้ตั้งใจ ...แค่นึกสนุกขึ้นมาว่า "หากเราจะลองค้นหาชื่อ Blog ที่ตั้งคล้ายๆ กับเราจะมีไหมหนอ?" ค้นหาเสร็จปรากฏว่า โอว! ไม่น่าเชื่อ "เพียบเลยครับ" แต่ว่าคำๆนั้น จะอยู่ส่วนใดของชื่อเท่านั้นเอง
...ว่าแล้วก็ลองคลิกเข้าไปดูตาม Blog (จะมีชื่อ Blog และรูป Thumbnails เล็กๆ ตัวอย่าง)ที่ปรากฏ หนึ่งในนั้นคือ Blog ของคนที่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออก เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น จีน จีนไทเป เหล่านั้น เข้าไปดู Blog ของผวกเค้า (ทั้งที่อ่านก็ไม่ออกหรอกครับ) อือ...เป็นที่น่าตื่นตา ตื่นใจดีนักเชียว! โดยเฉพาะ ในเรื่องการตกแต่งหนะครับ ตั้งข้อสังเกตเอาเองว่า Blog ของฝั่งตะวันออก หนะ...น่าดูกว่าของฝรั่งมากๆ
ของฝรั่งจำทำแบบ เรียบง่าย แต่ได้ประโยชน์ ...แต่ของทางฝั่งตะวันออก (ยิ่งญี่ปุ่น เกาหลี นี่สุดยอดเลย) จะออกแนว สดใด น่ารัก คิกขุ โนเนะ ตามหน้าตา ที่น่ารักๆ ของคนเอเชียหนะครับ
ส่วนประกอบหนึ่งใน Blog เหล่านั้น ก็มีส่วนทำให้ Blog ดูดี น่าเข้า น่าดู น่าคลิก น่ากลับมาเยี่ยมชมอีกครั้ง สรุปแล้วก็คือทำให้ Blog ดูน่าสนใจขึ้น ...วัันนี้ก็เลย อยากจะนำเสนอตัวอย่าง ของแต่ง Blog ที่ได้ไปเห็นใน Blog เหล่านั้นมาให้ชมกันครับ (รายละเอียด ...ค่อยว่ากันคราวต่อไป)
  • เอาเจ้า ShoutBox มาทำสมุดเยี่ยม (QuestBook)











  • นาฬิกาแปะ Blog ก็ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ









  • เอาหมู หมา แมว มาใส่เป็นสัตว์เลี้ยง ...ดูน่าร๊ากก


  • ของแต่ง Blog ประเภทสไลด์โชว์









  • และ Counter (ตัวนับ แสดงสถิติผู้เยี่ยม) แบบดิ้นได้







  • และอีกมากมาย...


*ไว้มีเวลา จะมาว่าเป็นต่อ(แบบละเอียด) ...เป็นอันๆ ไปครับ

22 มิถุนายน, 2550

Google Desktop คืออะไร?

หลังจากที่ได้เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ Google Gadgets หรือ Gadgets ของ Google ไปแล้ว ...บางคน(รวมทั้งผมด้วย) อ่านไปก็จะเกิดความรู้สึกงุนงงไปกับศัพท์แสงต่างๆ ของเจ้าคุณกู(Google) เอ๊! อะไรกันนักหนา ก็ไม่รู้ ช่างสรรหา คิดออกมาได้ !! มากมายซะเหลือเกิน เป็นต้นว่า Google homepage, Google Desktop, Google Page Creator และอื่นอีกหลายๆ อย่างที่เป็นแบร็นด์เจ้าคุณกู ...
...เหตุที่ต้องพูดต่อ ก็เพราะเหตุฉะนี้แหละ ครับ มันเกี่ยวเนื่อง และเกี่ยวข้องกัน จากที่เราท่านรู้มาแล้วว่า Desktop Gadget
จะทำงานได้นั้น ตัวมันจะต้องถูกกำหนดใน Google Desktop เท่านั้น อืออ แล้วทีนี้เจ้า Google Desktop หละ มันคืออะไรกันอีกหละเนี่ย ? ...เชิญ มางงกันต่อไปครับ
Google Desktop เค้าบอกว่า เป็นโปรแกรมที่จะทำให้เราสามารถค้นหาไฟล์ต่างๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ได้เหมือนกับที่เราค้นหาเว็บไซต์ด้วย Google หนะครับ ซึ่งโปรแกรมจะสร้างฐานข้อมูลของไฟล์ข้อมูลไว้ในเครื่องของเรา ณ เวลาที่เราไม่ได้ใช้งานคอมฯ (แต่ต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ด้วยหนะ) และหลังจากที่ทำรายการไฟล์ครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อๆไป Google Desktop ก็จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่เราสั่งเปิดเครื่อง

ทีนี้มาดูต่อว่า Google Desktop มีคุณสมบัติ และความสามารถ อะไรบ้าง
  • ค้นหาสิ่งที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ได้ง่าย เหมือนเราค้นหาเว็บไซต์ด้วย Google อย่างไงอย่างงั้นเลย
  • แสดงข่าวสาร รูปภาพ และอื่นๆ อีกหลายๆ อย่าง ทุกๆ ที่(ในโลกนี้ ..หากเป็นไปได้)บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา
  • สามารถเพิ่ม Google Gadgets เพื่อปรับแต่ง Desktop และ sidebar ของเรา
  • สำหรับนักพัฒนา : สามารถสร้าง gadgets ของเราเอง และแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ยลได้ใช้ได้ด้วย ...แน๊ะ!
สรุปแล้ว ...
  1. Google Desktop ทำงานบนหน้าจอ (Desktop) คอมพิวเตอร์ของเราเท่านั้น
  2. เราต้องดาวน์โหลดมาติดตั้งบนเครื่องของเราครับ
  3. ความสามารถหลักของเค้า คือ ใช้ค้นหาข้อมูลในเครื่องของเราเองครับ เค้าบอกว่ามีประสิทธิภาพกว่า Search ของ Windows Explorer ด้วยซ้ำหนะ
  4. ความสามารถเสริม : ที่พิเศษ คือ ติดตั้ง Gadgets ได้เพิ่มเติม (เหมือนในวินโดวส์วิสต้าครับ) ทำให้ทำงานได้หลากหลายมากขึ้น
  5. ที่สำคัญ ให้เราได้พัฒนา Gadgets ในแบบฉบับของเราเองขึ้นมาใช้งานได้ด้วย และเผยแพร่สู่สาธารณชน
  6. ฯลฯ
ดูตัวอย่าง ได้จากรูปนี้ครับ ...เห็นแล้ววว ! โอว น้ำลายสอ ...สามหยด (น่าใช้มาก ไม่ต้องพึ่ง Vista ก็ได้มั๊งเนี่ย)


เอาหละ หากผู้ใด ต้องการจะดาวน์โหลด มาทดลองใช้เป้นขวัญตา ขวัญใจ เชิญได้เลยครับ ...ยกลิงค์มาให้เลย ถึงที่
Google Desktop
Download
ปล. ต่ออีกนิดหน่อยครับ เค้าบอกมาว่า หาก Gadgets ของใครที่พัฒนาเอง และออกเผยแพร่ให้กับผุ้คนได้เอาไปใช้ และหากได้รับความนิยมอย่างมาก ทาง Google เค้าจะเอาขึ้นไว้ในหอเกียรติยศ ฮอลล์ ออฟ เฟม เลยน๊ะครับ สำหรับนักเขียนผู้นั้น
(If your desktop gadget or indexing plug-in becomes very popular, you'll earn a spot in our Developers' Hall Of Fame.)
...ขอให้ความสุขกับการใช้ ครับ

19 มิถุนายน, 2550

Google Gadgets คืออะไร

หลังจากเคยเสนอเรื่องของ Gadgets มาแล้วเมื่อคราก่อน นึกขึ้นมาได้ว่าครั้งหนึ่ง ...ได้ดูหนังฝรั่งอยู่เรื่องหนึ่ง (หนังสร้างเมื่อ 1999)
..เป็นเรื่องเกี่ยวกับยามหนุ่มนายหนึ่ง ที่ต่อสู้แบบถวายชีวิตกับคนร้ายที่บุกเข้ามาในบริษัทพร้อมด้วยอุปกรณ์อาวุธไฮเทค จนเค้าได้รับบาดเจ็บสาหัส(ปางตาย)และได้นักวิทยาศาสตร์สาวคนเก่ง ทำการทดลองประดิษฐ์กลไกต่างๆ รวมเข้ากับร่างกายของเค้า จนทำให้เขากลายเป็นนมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์(Cyborg) ที่มีอุปกรณ์ไฮเทคครบครัน ชนิดที่เรียกใช้ได้เกือบทุกอย่าง ไว้ต่อกรกับเหล่าร้าย...และเมื่อเวลาจะใช้อุปกรณ์เหล่านั้นจะต้องเรียก คำว่า "Gadgets" ตามด้วยชื่อของอุปกรณ์สิ่งนั้น
เรื่องที่ว่า นั้นก็คือ แต๊ว...แต่วววว! G นักสืบสมองกล หรือ Inspector Gadget ครับ

เวลานี้ เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า เจ้า Gadgets ทั้งหลายที่เราได้ยิน ได้อ่านผ่านตากันมาประดามีนั่น มาจากหนังเรื่องนี้ฤเปล่า? จนมาวันนี้ คำนี้ก็มีใช้กันดาษดื่น หลายๆ บริษัทที่ออกเจ้า Gadgets ออกมาแข่งกันอย่างมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ Search อย่าง Yahoo!Search, MSN Search และเจ้าพ่อแห่งวงการ คือ Google.com

...พอดีเข้าไปหาข้อมูลเกี่ยว Sitemap ที่เกี่ยวข้องกับ Blog (จะเอามาทำกะ Blog เราซักหน่อย) ก็ไปเจอสิ่งนี้โดยบังเอิญ ก็ Gadgets ของ Google งัยครับ

หลังจากที่ได้เข้าไปอ่านดูรายละเอียดมา(แบบพยายามแกะอย่างมาก จนตาลาย) จนได้เรื่อง ก็เลยอยากขออนุญาตคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ซักนิ๊ด ...เพราะมีความคิดว่า สิ่งนี้สามารถนำมาใช้กับ Blog ของเราได้ด้วย
<<ขำขำ>>ผมเพิ่งรูู้้ว่า Google ก็มี Gadgets กะเค้าด้วยเช่นกัน (ไม่ค่อยจะอยู่ในรถไฟเท่าไหร่..เหอะๆ)
Google Gadgets

Google Gadgets คืออะไร อะไรคือ Google Gadgets
เค้าว่าดังนี้ครับ Google Gadgets คือ แอพลิเคชั่น(โปรแกรมที่ใช้โประโยชน์ได้)เล็กๆ ที่ทำงานกับ Google homepage,
Google Desktop, หรือหน้าใดหน้าหนึ่งบนเว็บฯ Gadgets เหล่านั้นอาจจะเป็นแค่โค๊ด HTML ง่ายๆ ไปจนถึงแอพลิเคชั่นที่สลับซับซ้อน
ซึ่งสามารถจะเป็นได้ทั้ง ปฏิทิน พยากรณ์อากาศ แผนที่ลูกโลก media player หรือสิ่งไดๆ ก็ได้ที่เราฝันจะให้มันเป็น ...

Google Gadgets จะมี 2 รูปแบบ คือ

  1. Universal gadgets และ
  2. Desktop gadgets
    และทั้งสองอย่างนี้ ต่างกันดังนี้ครับ

Universal Gadget

ทำงานกับ Google homepage, Google Desktop, หรือ Webpage ที่เราสร้างเอง

จะสร้างหรือไม่สร้าง จะใช้ฤไม่ใช้ เรามี 2 เหตุผลให้คุณเลือก ...



ทำไมต้องสร้าง Universal gadget?

  • ทำงานบน WebPages ที่เราเป็นเจ้าของ HTML Source code เอง, และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นของ Google (Personalized Homepage, Google Desktop, Google Page Creator, Blogger)
  • ง่ายต่อการสร้าง - ไม่จำเป็นต้อง Downloads, ไม่ต้องหาห้องสมุดเพื่อค้นคว้า, และไม่ต้องร้องขอจาก Web server
  • เขียนด้วย HTML และ/หรือ JavaScript

ทำไมถึงไม่สร้าง Universal gadget?

  • ปัญหาเรื่องข้อจำกัดของ สภาพแวดล้อมของ Browser แบบต่างๆ
  • มันจะไม่ทำงานเมื่อผู้ใช้ Offline

Desktop Gadget

ทำงานกับ Google Desktop



ทำไมต้องสร้าง Desktop gadget?

  • ทำงานบน user's desktop เลย ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้จาก web browser เพื่อเปิดใช้งาน
  • ซัพพอร์ท advanced function (offline access, client libraries, multi-user support through Google Talk, and free-form shapes)
  • เขียนด้วย JavaScript, C, C++, C#, และ/หรือ VB.Net

ทำไมถึงไม่สร้าง Desktop gadget?

  • ทำงานด้วย Google Desktop เท่านั้น
  • จำเป็นต้อง Downloads มาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา

ทีนี้พอจะทราบแล้วนะครับว่า Google Gadgets เป็นอะไร, อย่างไร จะลองเข้าไปอ่านรายละเอียดต้นฉบับเลยก็ได้ครับ ผมได้ทำลิงค์ไว้แล้ว ...ส่วนคำที่เน้นสี แดง เขียว และเหลือง นั้นจะอธิบายให้ทราบคราต่อไป ว่ามันคืออะไร

** แล้วเจอกันใหม่ครับ :-)

12 มิถุนายน, 2550

แหล่งข้อมูลการทำ Blog

เมื่อเริ่มต้นจะทำ Blog และหา Blog Host ที่เป็นที่ถูกใจได้แล้ว ต่อไปก็ต้องศึกษาวิธีการทำจากหนังสือคู่มือ แต่หนังสือคู่มือหละ ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เสียด้วยซิ หากไม่มีคู่มือ ก็ต้องหาข้อมูลแหล่งข้อมูลที่มีข้อมูลมากมาย เฉกเช่น "โลกอินเทอร์เน็ต"

วันนี้จึงอยากเสนอแหล่งข้อมูลสำหรับทำ Blog ค่ายต่างๆ ซึ่งมีผู้มีความรู้ความสามารถทำไว้ให้เราได้ค้นคว้าหาความรู้ ดังต่อไปนี้

Blogger หรือ Blogspot
WordPress
Blog Exteen.com
BlogGang.com
Windows Live Spaces
:-) เท่าที่ทราบ เท่าที่ค้นหามาได้ ก็พอจะมีเท่านี้ครับ ...หากมีข้อมูลเพิ่ม จะแจ้งให้ทราบต่อไป ...

หวังว่าที่เหล่านี้ คงจะเป็นแหล่งที่ให้ความรู้ กับเหล่า Blogger มือใหม่ที่กำลังเริ่มการทำบล็อกเป็นของตัวเองนะครับ ต้องขอขอบคุณบรรดาเจ้าของ Blog ทั้งหลาย ที่สละเวลาอันมีค่ามาถ่ายทอดความรู้อันเป็นประโยชน์ให้เป็นวิทยาทานกับเราท่าน ...ทำดีย่อมได้ดีครับ (อย่างน้อย Traffic น้อยๆ คงไหลมามิขาดสาย เป็นแน่เทียว อิ อิ!) สาธุ...

11 มิถุนายน, 2550

ชนิดของ Blog

เทคโนโลยีของ Blog ที่ใช้ง่าย ทำให้มีผู้ใช้ในวงกว้าง และมีความหลากหลาย นี่เป็นแค่ตัวอย่างประเภทของ Blog ส่วนหนึ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน และมี Blog อยู่มากมายที่ได้ผสมผสานความหลากหลายประเภทเอาไว้ในตัว

Business

ตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนสมัครเล่นและนักลงทุนมืออาชีพ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ใช้ Blog เป็นที่แบ่งปันความรู้ ทริปต์ เทคนิคต่าง ๆ เกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ Blog ประเภท Business ยังใช้เป็นที่โปรโมตและทำลายชื่อเสียงทางธุรกิจ ใช้เป็นที่อภิปรายโต้เถียงกันถึงแนวทางของเศรษฐกิจ หรือใช้เป็นที่เผยแพร่ข้อมูลก็ได้เช่นกัน

Clubbox

Clobbox เป็น Blog อีกประเภทหนึ่งที่แพร่หลายมาในแถบเอเชียตะวันออก โดยผู้เป็นเจ้าของ Blog ส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียค่ารายเดือน สามารถโพสข้อมูลที่เป็นข้อความ รูปภาพ และไฟล์วิดีโอ เข้าไปได้ทุกวัน ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดเตรียมพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อรองรับไฟล์เหล่านี้ และยังมี Bandwidth สำหรับส่งข้อมูลขึ้นไปโพสขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความรวดเร็วอีกด้วย

Cultural

Cultural Blog เป็น Blog ที่ใช้เพื่อการสาธยาย อภิปราย โต้เถียง กันในเรื่องเพลง กีฬา ภาพยนตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมที่กำลังเป็นที่นิยม

MoBlog

MoBlog หรือ mobile Blog นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการรวบรวมเนื้อหาจากอินเตอร์เน็ต จากผู้ขายมือถือ หรือเจ้าของแบรนด์มือถือ หรือ PDA ยี่ห้อต่าง ๆ และอาจจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์บนมือถือด้วย

Online diary

ถ้าจะพูดถึง Blog ในแง่ทั่วไปแล้วบ่อยครั้งที่ใช้เพื่อการเขียนบันทึกประจำวันแบบออนไลน์ หรือวารสาร เช่น LiveJournal.com ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ใช้ Blog เป็นที่แรก ๆ โดยรูปแบบของ Blog ที่ใช้งานง่ายนั้นทำให้ผู้ที่ไม่มีความชำนาญในเรื่องคอมพิวเตอร์ สามารถเข้ามาทำ diary ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งคนทั่วไปมักจะเขียนโครงกลอน ร้อยแก้ว การร้องทุกข์การทำผิดกฎหมาย ประสบการณ์ประจำวัน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ของ Blog ประเภทนี้ จะเกี่ยวกับเรื่องชีวิตเป็นส่วนใหญ่

ไดอารีออนไลน์ ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา บางคนใช้ Blog เพื่อสื่อสารกับผู้อื่น บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งข้อความที่เขียนลงไปเพื่อสื่อสารกับผู้อื่นนั้น เป็นการสื่อสารทางความคิด มีภาษา กริยา ท่าทางที่ไม่แสดงถึงความก้าวร้าว เปิดรับให้ผู้อื่นเข้ามาอ่านได้อย่างสะดวก และผู้เขียนเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะจดจำว่าใครที่ยังคงต้องการอ่านข้อมูล หรือใครที่เข้ามาอัพเดตข้อมูลความคิดเห็นใส่ลงไป ดังนั้น Blog ประเภทนี้จึงเป็นที่แห่งการรอคอยผู้ที่ปรารถนาจะอ่านมันเท่านั้น

Blog เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ส่วนบุคคลอย่างนี้มีทิศทางว่าจะเป็นที่นิยมและยังครอบคลุมไปถึงเครือข่ายทางสังคมออนไลน์เข้าไปด้วย เช่นที่ Myspace.com และ Xanga.com

PhotoBlog

PhotoBlogs จะประกอบไปด้วย แกลลอรี่รูปภาพที่เปิดกว้างให้เข้าไปดูรูปได้ มีคำบรรยายใต้ภาพ ซึ่งคำบรรยายเหล่านั้นจะทำให้มีความสำคัญ หรือไม่สำคัญก็ได้ ก็อยู่ที่ผู้ใช้ ผู้บรรยาย อย่างที่ sketchBlog ก็มีความใกล้เคียงกับการเป็น photoBlogs แต่เป็น Blog ที่มุ่งเน้นไปที่ภาพสเก็ตช์ ซึ่งเป็นศิลปะพื้นฐานที่ต้องใช้สายตาเป็นหลัก

Political

Political Blogs ได้รับการต้อนรับจากสื่อ และนักวิชาการมากขึ้น ซึ่ง Blog ประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะนำเสนอความเคลื่อนไหวของข่าวสาร โดยบาง Blog จะมีลิงค์บทความจากหน้าเว็บไซต์ข่าวเข้าไปด้วย และบ่อยครั้งที่มีการเพิ่มความคิดเห็นส่วนตัวลงไป ซึ่ง Blog ชนิดนี้หลาย ๆ แห่งก็มีฟีเจอร์สำหรับแสดงความคิดเห็นอย่างมากมายใส่ไว้

warBlog.com เป็นตัวอย่างของ Blog อันหนึ่งที่ให้ความใส่ใจอย่างมาก เกี่ยวกับสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ทีเกี่ยวกับสงคราม บางครั้งเราก็ใช้คำว่า warBlog เพื่อบอกความหมายในเชิงที่ว่า Blog นั้นมีความโน้มเอียงไปในเรื่องสงคราม

Science

นักวิทยาศาสตร์ ก็มีการใส่ความรู้สึกให้หล่อหลอมเข้าไปใน Blog เช่นกัน บางครั้งเราจะเห็นว่ามีบางความคิดเห็นที่เป็นเส้นทางใหม่ที่ชาญฉลาด นำมาตีแผ่ให้ได้อ่านกัน มีการอภิปรายข้อมูล ซึ่งบาง Blog ก็มีข้อมูลที่ดูน่ากลัว ดูน่าจะเป็นอันตรายแต่นักวิทยาศาสตร์บางคนก็มีแนวทางการนำเสนอที่ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งก็ต้องเลือกอ่านกัน

ShockBlog

ShockBlogs มีเนื้อหาส่วนใหญ่ไปในเชิงของการสร้างความดึงดูดใจ แต่ไปในทางของการสร้างความตกใจ (shock) และ Aggressive มากกว่า ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรือเรื่องที่มีการนำเสนอทางวารสารมาแล้ว โดยอาจจะเป็นบทความที่น่าสนใจ แปลกใหม่ หรือเป็นเรื่องธุรกิจที่กำลังอยู่ในกระแสจากทั่วทุกมุมโลกที่น่าเขียนถึงก็ได้

Spam

SpamBlogs หรือ Splogs นั้น เป็นรูปแบบของการโฆษณาที่บีบบังคับผู้อ่านเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็เหมือนกับ Spam อีเมลล์นั่นแหละ โดย Splogs จะมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ จะชอบใช้อักษรตัวหนา ใช้คำที่มีการเรียกร้อง ชักจูงใจอย่างรุนแรง ซึ่งเว็บไซต์ที่เป็นสมาชิกใน Splogs นั้น

จะมีการส่งลิงค์ของเว็บไซต์สมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีเนื้อหาในทำนองเดียวกัน ไปหาผู้ใช้อินเตอร์เน็ตคนอื่น ๆ บ่อย ๆ

Topical

TopicalBlogs จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเป็นเอกลักษณ์ มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบแบบเดียวกันเฉพาะกลุ่ม เช่น GoogleBlog ซึ่งจะเป็นเรื่องราวข่าวสารของ Google มีกลุ่มคนรัก Google มาแสดงความคิดเห็นกัน ซึ่ง Blog แบบ Topical นี้ Blog หนึ่งอาจมีแค่หัวข้อทั่วไปกับหัวข้อหลักเท่านั้น ทิศทางของ Blog ประเภทนี้ก็คือ จะต้องบริหารความต้องการของ Bloggers ว่าใครที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับ Blog ของเรา และยังต้องบริหารความสัมพันธ์กับผู้อ่านที่ต้องการเข้ามาค้นหาข้อมูลที่เขาสนใจ ให้ได้ข้อมูลอย่างตรงประเด็น

LocalBlog หรือ Blog ท้องถิ่นนั้น ก็เป็นหนึ่งใน TopicalBlog ด้วยเช่นกันซึ่งคนท้องถิ่นในแต่ละที่ก็จะมีเหตุการณ์ที่เป็นที่สนใจให้พูดถึงแตกต่างกันออกไป

Vlog

Vlog หรือ VideoBlog จะประกอบไปด้วยเนื้อหาทางด้านวิดีโอ ขึ้นไปโพสตติดเอาไว้เป็นหลัก เช่น http://video.google.com

Travel

TravelBlogs เป็นหนึ่งในชนิดของ Blog ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชอบที่จะแบ่งปันประสบการณ์ เรื่องราวในวันหยุดลาพักร้อนที่ได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ และรูปภาพกับเพื่อน ๆ ครอบครัว และคนในชุมชนเว็บไซต์เดียวกัน อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่เยี่ยมยอดที่จะทำให้นักท่องเที่ยวยังได้สัมผัสกับผู้คนที่อยู่ที่นั่น หลังกลับมายังบ้านของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเป็นการท่องเที่ยวเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้กับชีวิต

ที่มา : นิตยสาร E - COMMERCE

ฉบับเดือน มิถุนายน 2549

รูปแบบการเขียน Blog

ปกติแล้วการเขียน Blog ที่เราพบเห็นนั้น มีหลากหลายรูปแบบ พอจะสรุปรูปแบบทั่วๆ ไป ที่นิยมกัน ดังต่อไปนี้

รูปแบบการเขียน Blog แบ่งตามลักษณะของเนื้อหาในการเขียน คือ

  1. Personal เป็นการเขียน Blog แบบเล่าเรื่องส่วนตัว บรรยายถึงความรู้สึกนึกคิด หรือเรื่องในชีวิตประจำวันที่ได้พบเห็นของบุคคลนั้นๆ เล่าเรื่องราวข่าวสารต่างๆ ที่ตัวเองประสบพบเห็น หรือมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ หรือบางครั้งเรียกรูปแบบนี้ว่า การเขียนแบบ Diary ก็ได้ ตัวอย่าง เช่น Blog www.Storythai.com

  1. Topical เป็นการเขียน Blog โดยมีหัวข้อหรือจุดมุ่งหมายในการเขียนที่ชัดเจน อาจจะเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบหรือมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ โดยตรง เช่น กีฬาบาสเกตบอล กีฬาฟุตบอล กอล์ฟ เกี่ยวกับเพลงที่ชื่นชอบ วิจารณ์ภาพยนตร์ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ หรือ เรื่อง Blog เป็นต้น ซึ่งการเขียนลักษณะนี้จะอิงจากหัวข้อเป็นหลัก จะเล่าเรื่องนอกเหนือจากหัวข้อไม่มากนัก เช่น http://vinman.blogrevo.com

  1. Collaborative เป็นการเขียน Blog แบบเป็นทีม ช่วยกันเขียน ช่วยกันปรับปรุง ซึ่งภายใน Blog อาจจะมีเรื่องราวหลากหลาย ซึ่งอาจเขียนโดยผู้เขียนคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ โดยแต่ละคนจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของ Account ให้ทำการเขียนบทความหรือรับผิดชอบเฉพาะส่วนไป ตัวอย่างเช่น http://gotoknow.org

  1. Corporate เป็นการเขียน Blog เชิงธุรกิจ โดยบริษัทหรือองค์กรต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ถึงหน่วยงานของตน หรือเป็นตัวเสริมในการบรรยายให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตัวอย่างขององค์กร มี corporate blog ได้แก่ Sun Microsystems, IBM, HP, Microsoft, Yahoo และ Google

Blog ขององค์กร โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ Internal blog และ External blog

  • Internal blog เป็นบล็อกภายในที่ถูกจัดให้มีขึ้นเพื่อบุคลากรขององค์กร และสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเครือข่ายขององค์กรเท่านั้น
  • ส่วน External blog เป็นบล็อกที่อนุญาตให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบุคลากรสามารถเข้าถึงได้ เช่น ลูกค้าองค์กร เป็นต้น
  1. Specialty เป็นการเขียน Blog แบบพิเศษนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ยกตัวอย่าง เช่น Blog ที่เขียนขึ้นเพื่อประชามสัมพันธ์โครงการซึ่งจัดขึ้นในกรณีพิเศษ การประกาศรับบริจาค การประกวดแข่งขันต่างๆ เป็นต้น

น๊ะจ๊ะ... :-)

09 มิถุนายน, 2550

เพิ่มเติม ;ผู้ให้บริการ Blog

ผู้ให้บริการบล็อก (Blog Host)


ประเทศไทย

ต่างประเทศ

  • Blogger บล็อกเกอร์ บล็อกโดยกูเกิล
  • MySpace บริการบล็อกมายสเปซ
  • Windows Live Spaces มีให้บริการบล็อก (เรียกว่า Space; สเปซ)
  • Yahoo 360 มีให้บริการบล็อก ของยาฮู
  • Wordpress มีให้บริการบล็อกโดยบริษัทที่เขียนโปรแกรมWordpress
  • นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการบล็อกพร้อมกับอัลบั้มรูปและบริการอื่นๆด้วย เช่น

** ข้อมูลจาก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Anatomy of a blog

ส่วนประกอบของ Blog
Blog แต่ละแห่งที่เราขอใช้บริการนั้น ส่วนใหญ่จะมีลักษณะและส่วนประกอบหน้าแรกของ Blog ที่คล้ายๆ กัน มาดูกันว่า แต่ละส่วนคืออะไร และใช้ทำอะไรได้บ้าง ...

A. รูปของผู้เขียน Blog หรือโลโก้จะอยู่ส่วนบนของหน้า

B. ผู้ชมสามารถคลิกบนวันที่ในปฏิทิน เพื่ออ่านบทความในวันนั้นๆ

C. เนื้อหาที่เขียน จะแสดงตามลำดับ คือ เนื้อหาใหม่จะอยู่บนบนสุด

D. เพอร์มาลิงค์ หรือลิงค์ถาวร จะยังคงลิงค์ไปยังบทความนั้นๆ แม้ว่ามันจะเป็นบทความเก่าเก็บไปแล้ว

E. ผู้ชมสามารถคลิกบนลิงค์นี้ เพื่อคอมเม้นต์ให้กับบทความที่เราอ่านอยู่ขณะนั้น

F. ลิงค์นี้ จะเตรียมไว้ให้เรา เพื่อให้เราสมารถนำเนื้อหาใน Blog ไปทำ RSS feed ได้

G. ลิงค์นี้ เพื่อเข้าไปอ่าน โปรไฟล์ของผู้เขียน Blog

H. บทความของเดือนก่อนๆ จะถูกจัดเก็บโดยอัตโนมัติ ไว้ตรงส่วนนี้(Archived)

I. Blog ที่เราเขียนขึ้นสามารถมี ad link (เช่น Amazon, Google Adsense,หรืออื่นๆ)เพื่อหารายได้เข้า Blog ได้

J. คอมเม้นต์ล่าสุดจะแสดงไว้ตรงส่วนนี้โดยอัตโนมัติ (ไม่เหมือนกันทุก Blog แล้วแต่เราจะกำหนด)

K. รายการของบทความที่เราเขียนล่าสุด แสดงไว้ตรงนี้ (ไม่เหมือนกันทุก Blog แล้วแต่เราจะกำหนด)

Source: PC Magazine

เนื้อหารูปแบบส่วนประกอบของ Blog นี้ คาดว่าเราคงพบเห็นได้ทั่วไปใน Blog สมัยใหม่ส่วนใหญ่, Blog หลายๆ แพลทฟอร์มอาจจะไม่มีลักษณะแบบนี้ทั้งหมด และบาง Blog อาจจะเพิ่มลักษณะพิเศษอื่นๆ ขึ้นอีกมากมาย อย่างไรก็ตาม,นี่ก็ถือว่าตัวอย่างหนึ่งที่ดีแบบหนึ่งของ Blog ที่มองเห็น และรู้สึกได้ถึงความเรียบง่าย

แหล่งข้อมูลจาก : www.bloggerforum.com

* ข้อมูล อ่านเพิ่มเติม Anatomy of a blog

ประโยชน์และความสำคัญของ Blog


Blog ในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ส่วนใหญ่) ใช้งานง่าย ...โดยผู้เขียนไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเขียนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมภาษา หรือโปรแกรมสำเร็จรูปใดๆ เลยก็ย่อมได้ สามารถปรับแต่ง แก้ไขได้ง่าย บนหน้าจอ ณ เวลานั้นเลย แต่หากจะมีความรู้เรื่องภาษา Html ก็จะยิ่งดีมากๆ เพื่อช่วยในการปรับแต่งในขั้นลึกยิ่งขึ้น...
ประโยชน์ของ Blog นั้นมีมากมาย กว้างขวางยิ่งกว่า ไดอารี่ หรือบันทึกส่วนตัวทั่วๆ ไป

ประโยชน์ของ Blog สามารถแยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี
  1. เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คน สาธารณะได้รับรู้
  2. เป็นเครื่องมือช่วยในด้ารธุรกิจ เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร การเสนอตัวอย่างสินค้า การขายสินค้า และการทำการตลาดออนไลน์ เป็นต้น
  3. เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่ถูกต้องและชัดเจน จากผู้มีความรู้เฉพาะด้านๆ นั้น เนื่องจากผู้เขียน Blog มักจะเขียนถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด ชอบ และมีความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆ การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านใน Blog ต่างๆ จึงทำให้เราค้นพบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
  4. ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คนมากมาย(ทั่วโลก) และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอ
  5. และอื่นๆ อีกมากมาย

** อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Blog คืออะไร

Blog เป็นคำเรียกสั้นๆ ของคำว่า WeBlog ซึ่งบ้างก็อ่าน We Blog หรือบ้างก็อ่านว่า Web log แม้จะอ่านต่างกันอย่างไร ทั้งสองคำก็บอกถึงสิ่งเดียวกัน คือ Blog (บล็อก) นั่นเอง
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือ Website ชนิดหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาหรือ Entry จะถูกเขียนตามลำดับเวลา และแสดงผลย้อนกลับตามลำดับวันเดือนปี หมายความว่า เนื้อหาที่เราเขียนล่าสุดจะแสดงเป็นลำดับแรก ...งงมั๊ย? พูดง่ายๆ ก็คือ "เขียนก่อน แสดงสุดท้าย หรือล่างสุด ...เขียนทีหลัง แสดงอยู่ตำแหน่งแรก หรือส่วนบนสุดของหน้าเลย"
เนื้อหาของ Blog จะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง เป็นต้นว่า ความคิดเห็นหรือเรื่องราวส่วนตัว ข่าวหรือบทความเฉพาะด้านต่างๆ เช่น เรื่องเกี่ยวกับอาหาร การเมือง กีฬา บันเทิง สิ่งที่ชอบ ของสะสม หรือข่าวท้องถิ่น การงานบางอย่าง ...มากกว่าจะเป็นไดอารีออนไลน์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว
ใน Blog หนึ่งก็จะประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ และจุดเชื่อมโยง (Link)เพื่อเชื่อมโยงไปยัง Blog อื่น Webpage อื่น และสื่อ(media)ชนิดอื่นที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเรื่องนั้นๆ ที่ Blog นำเสนออยู่
จุดเด่นของ Blog ส่วนมากก็คือ การแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปในบทความนั้นๆ และในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้แสดงความคิดเห็นกลับ (Comments) ได้ด้วย
...ซึ่งลักษรณะแบบนี้จะมีส่วนคล้ายกับ Webboard แต่ Blog จะแตกต่างจาก Webboard ตรงที่ เราสามารถจัดการหน้าของ Blog ได้เอง เหมือนเราเป็นเจ้าของเว็บไซต์ (ซึ่งก็ใช่จริงๆหละ) ที่จะทำการเปลี่ยนแปลงส่วนไหน เมื่อไรย่อมสามารถทำได้
รูปแบบดั้งเดิมของ Blog ส่วนใหญ่คือ กล่าวเจาะจงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น เกี่ยวกับภาพถ่าย(Photoblog), ภาพเขียน(Sketchblog), วีดิโอ (vlog), เพลง (MP3 blog), หรือ audio (Podcasting), และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายโดยกว้างของสื่อสังคม (social media) งง..ครับ?
(อ้างอิงจาก : http://en.wikipedia.org)
ที่นี้หากเราจะเขียน Blog เราก้ต้องขอใช้บริการจากผู้ให้บริการ ที่เรียกว่า Blog Host ซึ่งมีทั้งฟรีและเสียเงิน ..อันนี้แล้วแต่เราจะเลือกครับ โดยเราต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายเจ้า เช่น
ของไทย เช่น
  • www.storythai.com
  • www.Bloggang.com
  • http://blog.sanook.com
  • www.exteen.com
  • http://weblog.manager.co.th
  • ฯลฯ
ของต่างประเทศ เช่น
  • www.blogger.com
  • www.typepad.com
  • http://www.wordpress.org
  • http://spaces.msn.com
  • www.myspace.com
  • ฯลฯ
...เหล่านี้เป็นต้น และเมื่อเราได้ Account หรือพื้นที่สำหรับเขียน Blog มาแล้ว ก็ลงมือเขียนตามรูปแบบของ Blog แต่ละเจ้า ซึ่งจะมีเครื่องมือ (Tool) ในการสร้าง Blog ที่แตกต่างกันออกไป ...อันนี้ต้องศึกษาเป็นรายๆ ไป หรือหากเราเก่ง และเจ๋งพออาจสร้าง Blog Host ขึ้นมาใช้งานเองก็ได้เช่นกัน

* อ่านข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.blogger.com :
บล็อก คืออะไร

05 มิถุนายน, 2550

Activate the claim using Post Claim




Technorati
is an Internet search engine for searching blogs, competing with Google, Yahoo and IceRocket. As of April 2007, Technorati indexes over 75 million weblogs. The name Technorati is a portmanteau, pointing to the technological version of literati or intellectuals.

Now let's get your blog and Technorati talking to each other.
Activate the claim using Post Claim
Technorati Profile

Related Posts by LinkWithin

Related Posts with Thumbnails