03 ตุลาคม, 2551

AdSense ใจดีให้ติดไทย ..ฟรี!

ข่าวล่ามาแรง!Cow ..เกือบตกข่าวเสียแล้วหละ

บรรดา Blogger ผู้มีใจกับ AdSense ...มีเฮ ครับ!

"Google AdSense รองรับภาษาไทยแล้ว" พอดีได้รับข่าวนี้จากกัลยาณมิตรท่านหนึ่งจากคอมเมนต์ ในสเปซของผม

เพื่อความแน่ใจ ก็เลยเปิดเข้าไปดูอีกที่ที่ "Google Adsense รองรับภาษาไทยแล้ว" บ่อน Blog ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ตอนนี้ก็อึ้ง และซึ้งหละครับ ..ใช่แน่เลย ของจริง!

ยินดีด้วยจริงๆ ...Peace Sign

29 สิงหาคม, 2551

วิธีทำให้ Blog ถูกค้นพบง่ายๆ ใน Blogger

ไม่ได้เข้ามาอัพบล็อกเสียนาน (เกือบเดือนได้) เข้ามาอีกที โอว! Blogspot เปลี่ยนหน้าตาใหม่อีกแล้ว ดูน่าใช้และเป็นมิตรกับผู้ใช้ยิ่งขึ้น Puppy dog eyes ไม่ใช่ว่าแต่ก่อนไม่น่าใช้นะครับ เพียงแต่ดูเหมือนจะใช้ง่ายขึ้น สดใสขึ้นหนะเอง

เข้าเรื่องหละกันนะครับ วันนี้มีของมาฝาก หลังจากไม่ได้คุยเรื่อง Blog ซะนาน เป็นทิปเล็กๆ เกี่ยวกับการทำให้ Blog ของเราถูกค้นพบได้ง่ายๆ จากที่เหล่านี้ เช่น หน้าแรก Blogger, Google Blog Search และปิงบล็อกอย่าง Weblogs.com ด้วยวิธีการง่าย ดังนี้..

  1. ลงชื่อเข้าใช้ (Login)เข้ามาในบัญชี Blogger ของเรา
  2. ในหน้า แผงควบคุม คลิกที่ลิงค์เมนู การตั้งค่า จะเข้าสู่หน้า การตั้งค่าพื้นฐาน ->หัวข้อ ขั้นต้น
  3. ในรายการ เพิ่มบล็อกของคุณในรายการของเราหรือไม่ ให้เลือก [ใช่]
    เพื่อให้ รายชื่อ Blog ของเราไปปรากฏที่หน้าแรกของ Blogger ตรง Blogger Play
    image และ
    Next Blog
  4. image ถ้าเราเลือก [ไม่] บล็อกของเราจะไม่ปรากฏในที่เหล่านี้ แต่ว่ายังสามารถใช้ได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต คือ พิมพ์ Url ในเบราว์เซอร์ หรือคลิกจากลิงค์ แต่ชื่อบล็อกนี้จะยังคงปรากฏในข้อมูลส่วนตัว(Profile)ของเรา นอกจากเราจะซ่อนมันไว้ (ไม่ให้แสดง)
  5. ในรายการ อนุญาตให้เครื่องมือค้นหาพบบล็อกของคุณหรือไม่
    ให้เลือก [ใช่] ซึ่ง Blogger จะรวมบล็อกของเราไว้ในลิสต์ของ Google Blog Search และปิง Weblogs.com ถ้าเราเลือก [ไม่] คนอ่านจะยังสามารถดูบล็อกของเราได้ ผ่านทางเบราว์เซอร์ หรือคลิกจากลิงค์ ..แต่เครื่องมือค้นหา (Search Engine) จะได้รับคำสั่งไม่ให้รวบรวมข้อมูล (Index) บล็อกของเรา ..Blog ของเราก็จะไม่ถูกค้นพบจาก Google Blog Search นะครับ
  6. เสร็จแล้ว คลิก บันทึกการตั้งค่า
  7. เป็นอันเรียบร้อย

ปล. นอกจากวิธีทำเสียว (Seo) ยากๆ แล้ว วิธีการง่ายๆ เบื้องต้นๆ อย่างนี้คงพอช่วยให้บล็อกของเราถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นอีกหน่อยหนึ่ง ดีกว่าหาเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอ ไม่รู้จมอยู่ที่ส่วนใดของกล่องทราย ..ลองทำดูนะครับPeace Sign

02 กรกฎาคม, 2551

Related Posts on Blogger ..แสดงเรื่องที่เกี่ยวข้องง่ายๆ

เวลาเข้าไปดู Blog ของชาวบ้านแล้วแอบอิจฉาไม่ได้ ไม่รู้ว่าเค้าทำอย่างไร? คือสมมติว่าเราเข้าไปอ่านบทความเรื่องๆ หนึ่ง ท้ายบทความเรื่องนั้นจะมีหัวข้อหนึ่งที่บอกว่า : เรื่องที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง หรือ เรื่องคล้ายๆ กัน ประมาณนี้ ซึ่งใน blogger คุณสมบัตินี้ หาไม่เจอครับ! (อือ มีอยูู่่ที่หนึ่ง อันนี้หนะ เพิ่ม Enclosure link ไม่รู้ว่ามันใช้อย่างไร) ..อือ แย่เลย เราอยากทำมั่ง! ก็รอ ร๊อ รอ ว่าซักวันเราจะต้องทำได้ ..และมาวันนี้ ฝันเป็นจริงซะที ทำได้แล้วหละครับ !!!
เมื่อทำได้แล้วก็เลย เอามาเผื่อแผ่ให้กับเพื่อนๆ ชาว Blogspot ได้อ่าน และทดลองทำกันดูบ้าง เป็นวิทยาทานนะครับ
ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการทำ Related Posts หรือ เรื่องที่เกี่ยวข้อง ไว้ท้ายบทความ ง่ายๆ แบบ Step by step เลยทีเดียว ...มาติดตามกันเลย
  1. หลังจาก Sign in เข้ามาใน blogger แล้ว ให้คลิกที่ลิงค์ รูปแบบ(Layout) ของ Blog ที่เราต้องจะแก้ไข ...จะเข้าสู่หน้า รูปแบบ(Layout) ให้คลิกตรงแถบลิงค์ แก้ไข HTML (Edit HTML)
  2. จากนั้น ให้ทำการแบ็คอัพ Template เดิมไว้เผื่อว่าหากเราทำการแก้ไขแล้วล้มเหลว จะรีสทอร์กลับคืนมาได้ โดยคลิก ดาวน์โหลดแม่แบบฉบับเต็ม (Download Full Template) แล้วเซพลงในเครื่อง ...จากนั้นคลิก [/] ขยายแม่แบบเครื่องมือ (Expand Widget Templates)
  3. แล้วค้นหา Code ข้างล่างนี้ให้เจอ...
    <data:post.body/> (กดปุ่ม F3 เพื่อเรียกกล่องค้นหา ..ใช้ได้ทั้งใน Firefox และ Ie7)
  4. เมื่อเจอแล้วให้คัดลอก Code ข้างล่างนี้ไปต่อท้าย
    ง่ายๆ คลิกดาวน์โหลด จากตรงนี้ได้เลยครับ the .txt file here
  5. จากนั้น วาง Code ที่คัดลอกมา ไว้ด้านขวา หลัง Code ในข้อ 2. (<data:post.body/>) ให้แก้ไขโดยวาง <data:post.body/> ไว้ในแท็ก <p></p> เหมือนกับตัวอย่างนี้ (ถ้าเป็นอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องแก้ครับ)
    <p><data:post.body/></p> ตามด้วย Code ในข้อ 4. (ที่เราดาวน์โหลดมา)
  6. จากนั้น เซพ Template อีกครั้ง ..โดยคลิกปุ่ม บันทึกเทมเพลท (SAVE TEMPLATE)
เสร็จแล้วก็จะได้หน้าตา ดังภาพตัวอย่างนี้เลยครับ...
Related-Posts-Blogger-1
เอาหละ ลองดูละกันครับ ..ของผมตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นปรับปรุง วันหลังอาจจะได้หน้าตาที่แตกต่างไปจากนี้ (หุ หุ)
หมายเหตุ : จะทำแบบนี้ได้ เวลาโพสต์บทความอย่าลืมใส่ Label หรือป้ายกำกับด้วยนะครับ (มิฉะนั้นจะทำมิได้เน้อ!)
ที่มา : http://cchoy.blogspot.com/2008/06/related-posts-on-blogger.html

20 มิถุนายน, 2551

มาเริ่มเขียน Blog กัน

<<เนื้อหาส่วนนี้ จริงๆ แล้วผมต้องเขียนตั้งแต่เริ่มต้นโน่นหละครับ แต่ก็ไม่ได้เขียนซะที วันนี้ก็เลยต้องกลับร่ายยาวพูดถึงเรื่องเดิมๆ อีกครั้ง ..ดองเค็มจนได้ที่>>

วันนี้มาแนะนำ การเริ่มเขียนต้น Blog กัน (สำหรับมือใหม่ ที่กำลังเริ่มเรียนรู้)

การเขียน Blog ในที่นี้หมายถึง เริ่มต้นเขียนเนื้อหา บทความ เรื่องราวที่เราต้องการจะนำเสนอลงไป ซึ่งปกติแล้วหลังจากที่เราสมัครเป็นสมชิกทำบล็อกกับ www.blogger.com เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ เวลานั้น blogger จะพาเราไปที่หน้า การส่งบทความ (สร้าง) เพื่อที่จะให้เราเขียนเนื้อหาบล็อกเลยทันที ซึ่งเราจะเขียนหรือไม่ก็ได้เช่นกันครับ แต่หลังจากนั้นเมื่อเราได้ sign in หรือเข้ามาใช้งานใน Blog ของเราอีกครั้ง และเราจะโพสต์บทความใหม่ลงไป เราจะทำเยี่ยงไร ..ไปดูกันเลยครับ

อันดับแรก ก็ลงชื่อเข้ามาใช้งาน (Sign in) ตามรูปข้างล่างนี้เลยครับ

  1. พิมพ์ E-mail ที่เราใช้สมัคร
  2. กรอกรหัสผ่านลงไป
  3. คลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้งาน
  4. หากต้องการ เข้าใช้งานครั้งต่อไป ไม่ต้องใส่ E-mail และรหัสผ่าน ก็ให้คลิกที่ [ ] บันทึกข้อมูลของฉัน

หลังจากนั้น จะเข้าสู่หน้า แผงควบคุม ตอนนี้เราจะเขียนบทความใหม่ ก็ให้คลิก ตรงลิงค์ บทความใหม่ ดังรูป

จะเข้าสู่หน้า การส่งบทความ (สร้าง) เพื่อเขียนและแก้ไขเนื้อหาของเราขณะนั้น ซึ่งเราจะเห็นว่าหน้าตามันคล้ายๆ กับโปรแกรมพิมพ์/แก้ไขข้อความทั่วไปเช่น Ms-word คือจะมีส่วนที่ให้พิมพ์ข้อความ ส่วนแก้ไขตกแต่งข้อความ และส่วนแทรกวัตถุอื่นๆ เช่น ภาพ และวิดีโอ

ทีนี้ก็ลงมือเขียน Blog กันได้เลย เริ่มจาก

  1. ตั้งชื่อของเรื่อง ที่เราจะเขียน ลงในช่อง ชื่อเรื่อง :
    ปกติจะสัมพันธ์กับเรื่องที่เราเขียน เช่น Welcome to my blog เนื้อหาคือ แนะนำตัว(บล็อก) เป็นต้น
  2. พิมพ์เนื้อหาลงใน พื้นที่ว่าง(สีขาว) ด้านล่าง
  3. เราสามารถปรับแต่งข้อความที่เราพิมพ์โดยใช้เครื่องมือปรับแต่งที่มีอยู่ เช่น
    - แบบอักษรที่พิมพ์
    - ขนาดตัวอักษร ทำตัวหนา ตัวเอียง
    - ใส่สีให้กับตัวอักษร
    - ปรับข้อความให้ชิดขอบซ้าย-ขวา กึ่งกลาง และเท่ากันทั้ง 2 ด้าน
    - ใส่หมายเลขหน้าหัวข้อ
    - ใส่สัญลักษณ์หน้าหัวข้อ
    - แทรกรูป และ วิดีโอ
    - และลบการจัดรูปแบบ (ที่เราจัดไปแล้ว)
    บทความที่เราเขียน เราสามารถแทรกรูปภาพ หรือวิดีโอลงไปได้ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการแทรกภาพครับ อันดับแรกคลิกที่ปุ่ม เพิ่มรูปภาพ

    - ภาพที่จะใส่ลงไป สามารถเลือกจาก คอมพิวเตอร์ของเราเอง หรือจากเว็บไซต์ใดๆ ก็ได้ โดยการคัดลอกที่อยู่ของภาพ(URL) มาวางในช่อง URL:
    - จากนั้นเลือกรูปแบบ (การจัดวางรูป)
    - และขนาดของภาพที่จะให้แสดงในบล็อก
    - เมื่อเสร็จแล้วให้คลิก อัพโหลดรูปภาพ ซึ่งในการอัพโหลดครั้งแรก Blogger จะให้เรายืนยันการเปิดใช้ อัลบั้มออนไลน์จาก http://picasaweb.google.com/ เพื่อเป็นที่เก็บไฟล์ภาพของเรา
    หลังจากแทรกภาพแล้ว ภาพจะไปอยู่บรรทัดแรกของเนื้อหาเลย ให้ใช้เมาส์ลากภาพนั้นๆ ไปไว้ในตำแหน่งที่ต้องการได้ครับ
  4. ใส่ป้ายกำกับให้กับบทความ (Label) เป็นการจัดกลุ่มของเรื่องที่เราโพสต์ ว่าเรื่องนี้ควรจะอยู่กลุ่มไหน เราจะใช้ประโยชน์จากการใส่ Label นี้ในการที่จะช่วยให้ผู้อ่านหาเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันได้ง่ายขึ้น
  5. เมื่อเราพิมพ์เนื้อหาจนครบถ้วนแล้ว ให้คลิก เผยแพร่บทความ เพื่อนำเนื้อหาขึ้นสู่อินเทอร์เน็ต ไปแสดงให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมกัน

และเมื่อ คลิก เผยแพร่บทความ แล้ว blogger จะบอกว่า เผยแพร่บทความบล็อกของคุณเสร็จสมบูรณ์
หากยังมีบางอย่างต้องแก้ไขเพิ่ม ให้คลิก แก้ไขบทความ และหากต้องการเขียนเรื่องใหม่ต่อเลย ก็คลิกที่ สร้างบทความใหม่

และหากจะดูตัวอย่างบล็อกที่เราเขียนซักหน่อย ก็คลิกที่ ดูบล็อก (ในหน้าต่างใหม่) ซึ่ง blogger จะเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาแสดงเนื้อหาที่เราเพิ่งเขียน+หน้าตาทั้งหมดของบล็อก ...ดังตัวอย่าง

เสร็จเรียบร้อย (หน้าตาสะสสวยเชียว) จะเขียนเรื่องใหม่ต่อ ฤว่าจะออกก็ตามแต่สะดวกหละครับ...

11 มิถุนายน, 2551

ใครเข้ามาอ่าน Blog ผม???

ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น? ..งงมากๆ ไม่มีคนเข้ามาอ่าน Blog แต่ฉไหนถึงมีการ Page Views (เปิดดูหน้าเพจ) จะเรียกว่าเหตุการณ์ประหลาดได้ไหมเนี่ย?

เจอเรื่องพิลึกอีกแล้ว!!! จากการที่ได้รับเมลจาก ShinyStat และไปเปิดดู Satat ของ Blog ของตัวเอง (บล็อกนี้หละครับ) ซึ่งปรากฏผลดังข้อมูลในตารางต่อไปนี้

Date

Visits

Page Views

Monday 02/06/2008 0 36
Tuesday 03/06/2008 0 53
Wednesday 04/06/2008 0 39
Thursday 05/06/2008 0 56
Friday 06/06/2008 0 75
Saturday 07/06/2008 0 50
Sunday 08/06/2008 0 62

Total Visits Page Views
Week 0 371
Current month 0 410
Since the creation of the account (or its reset) 10.621

17.100


หากดูจากตัวเลข จะเห็นว่า "ไม่มีจำนวนผู้ชมเลย แม้แต่คนเดียว" แต่ทำไมจำนวน Page Views มันถึงขึ้นได้หละ อืออ!!??? ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? แปลกมากๆ มืนจังเลยยหละครับ

ใครเคยเจอเหตุการณ์เยี่ยงนี้ หรือทราบว่าเป็นเพราะอะไร ...กรุณาช่วยบอกด้วยครับ!!!

05 มิถุนายน, 2551

อัพโหลดไฟล์ง่ายๆ กับ Free Hosting ของ Google

ขณะที่เรากำลังวุ่นอยู่กับการปั่น เอ๊ย เขียน Blog มีหลายๆ ครั้งที่เราอยากจะอัพโหลดไฟล์ หรือรูปภาพไปฝากกับ “ฟรีโฮสต์” (เหตุผลง่ายๆ เพราะ ฟรีงัย) อะฮ๊า! และวันนี้เราสามารถทำได้ครับ แต่ว่า...สำหรับบล็อกเกอร์ ที่ใช้ Blogspot ของ Google เท่านั้นนะครับ ที่สามารถใช้ได้ (เจ้าอื่น หุ หุ เสียใจด้วยนะครับ)

บางครั้งเราอาจจะต้องการใส่เพลงลงไปในบล็อกเรา หรือทำลิงค์เพื่อให้ผู้ชมดาวน์โหลดไฟล์เอกสารต่างๆ เช่น .PDF/.PPT/.DOC/.EXCEL เป็นต้น หรืออาจจะอยากใส่ภาพให้กับพื้นหลังของบล็อก เราไม่สามารถให้บล็อกของเราลิงค์ไปหาไฟล์เหล่านั้นในเครื่องคอมฯของเราได้ เพราะเครื่องของเราไม่ใช่ Server ที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นเราเลยต้องหาทางออกอื่นๆ (ที่ง่ายๆ) โดยการอัพโหลดไฟล์ของเราไปยัง “ฟรีโฮสติ้ง” ซะ!!! ..ซึ่งให้พื้นที่เก็บไฟล์ฟรี และยังทำลิงค์ไปยังไฟล์เหล่านั้นได้เลย ...มีอยู่ที่หนึ่ง ไม่ทราบว่าผมอาจจะเป็นคนเดียวที่เพิ่งรู้ (ว่าเค้ามีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!!!) ที่นี่เลยครับ ที่เค้าใจดีให้อัพฟรี ..ไม่คิดตังค์

Google Page Creatorhttp://pages.google.com/

วิธีการง่ายๆ ตามนี้เลย

  1. เข้า http://pages.google.com ล็อกอินโดยใช้บัญชีของ Google
  2. หากเพิ่งเข้ามาครั้งแรก ให้คลิกที่ปุ่ม I'm ready to create my pages เพื่อเป็นการเริ่มต้นการใช้งาน Google Page Creator ก่อน หลังจากคลิกแล้ว จะเปิดมาที่หน้า Home
  3. ทีนี้หากจะอัพโหลดภาพ หรือไฟล์ใดๆ ให้คลิกที่ << Back to Site Manager
  4. จากนั้นคลิกที่ลิงค์ 'upload' จาก Sidebar ด้านขวามือ
  5. คลิก Browse เพื่อหาไฟล์จากคอมพิวเตอร์ของเรา ไดอะล็อกบ็อก ของ File Upload จะเปิดขึ้น เมื่อหาไฟล์นั้นๆ เจอแล้วให้คลิกเลือก แล้วคลิก Open
  6. ไฟล์ที่เราเพิ่งอัพโหลดจะปรากฏ พร้อมกับลิงค์ (ที่อยู่ของภาพหรือไฟล์นั้นๆ)
  7. คลิกขวาที่ลิงค์ของไฟล์ และเลือกคำสั่ง Copy Link Location (สำหรับ Firefox) หรือ Copy Shortcut (สำหรับ IE7) เพื่อคัดลอก URL ของไฟล์นั้น
  8. จากนั้นก็เอา URL ของไฟล์ที่ได้ ไปวางใน Code ของเนื้อหาในบล็อกเรา หรือวางในคำสั่งอัพโหลดภาพ/วีดิโอ ในบล็อกของเรา
  9. แค่นี้หละครับ ..ง่ายๆ

ปล. ลองใช้บริการดู กับของฟรีที่อยู่ใกล้ตัวเรา สาวก Google ทั้งหลาย (หุ หุ!!)

ที่มา:http://tipsforbloggers.blogspot.com/2008/02/how-to-upload-files-to-free-hosting.html#links

06 พฤษภาคม, 2551

คืนธรรมดา ...กับความเร็วที่ประหลาด

ที่จ่าหัวเรื่องเช่นนี้ เพราะ ...
เจอเหตุการณ์ประสาท เอ๊ย! ประหลาดครับ ..ประหลาดจริงๆ!!
เพราะปกติ จะไม่เป็นแบบนี้ กับเน็ตบ้าน ..ที่ความเร็วอันแสนจะอืดเป็นเต่าคลานถูกกาวตราช้าง
ก็เพราะความเร็วของเน็ต ที่เรา(ยอมรับได้ ...โดยปริยาย) รู้ๆ กันว่าแค่ 52.0 kbps
แต่ไหนแต่ไรมา จะคลิกแต่ละที จะต้องรอแล้ว รออีก รอจนหอยจะติดหินอยู่แล้ว อีตาเน็ตก็ยังโหลดอยู่นั่น!! เอ้อ!
โหลดมันเข้าไป ไม่เสร็จซักกะที...
แต่มาวันนี้ (อ๊ะ คืนนี้ซิ) ไฉนมันช่างไวซะได้ใจเสียจริงๆ เลย รู้สึกได้ (ให้ตายซิเอ้า! จริงๆ)

เอ! ฤาเป็นเพราะว่า เราเปลี่ยนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวใหม่(ห ว่า) ..น่าคิดๆ เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย?
ตอนนี้เปลี่ยนไปใช้ Windows Live OneCare ของ Microsoft อีกแล้วครับ..ท่าน! จากก่อนหน้าคือ eScan Internet Security ผมชอบเปลี่ยนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสบ่อย เพราะชอบลองของฟรี (ฟรีในที่นี้คือ ฟรีแบบไม่ขโมยของใครมาใช้ ฟรี 30 วัน ฟรี 90 วัน) สำหรับตัวนี้ฟรี 90 วัน ครับ ถือว่านานจนเกือบลืมหละ

...และฤว่าเวลานี้ เป็นเวลาพักผ่อนของใครๆ (5 ทุ่ม) แต่เป็นเวลาออกหากินของ(มนุษย์)ค้างคาว พอไม่มีคนใช้เน็ต ความเร็วเน็ตของเรา ก็เลยฉลุย เหมือนถนนที่โล่ง ไม่มีรถนั่นเลย เอออันนี้อาจเป็นได้...

จะเป็นด้วยเหตุใด ก็ช่างมันเต๊อะ ถือว่าเป็นผลดีแล้วกัน หากว่าวันและคืนต่อไป เป็นเช่นคืนนี้อีก ..ก็ถือว่าเป็นข่าวดีของชาวเน็ตบ้านความเร็วอันแสนสโลว์หละครับ (ใช่ก่อหละ? พี่น้อง)

ปล. ว่าไปตามลม จ่มไปตามเรื่อง

04 พฤษภาคม, 2551

สมัครเป็นสมาชิก Blog อย่างไร

การสมัครสมาชิก Blog จากผู้ให้บริการ

มีบางคนบอกว่า รู้แล้วหละว่าจะเขียน Blog เรื่องอะไรดี แต่ติดปัญหาตรงที่ ไม่รู้ว่าจะเขียนและตกแต่ง Blog อย่างไร วันนี้ก็เลยอยากจะบอกเล่าเรื่องของการเขียน Blog ในเบื้องต้น ว่าก่อนที่เราจะเขียน Blog ได้นั้นเราต้องมีที่ที่ให้เราได้จับจองพื้นที่ที่ใช้ในการเขียน ในการเก็บข้อมูลเนื้อหาของเราก่อนในอินเทอร์เน็ต หรือ เว็บไซต์ผู้ให้บริการเขียน Blog (Blog host) โดย

เราจะต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการเขียน Blog เสียก่อน ซึ่งมีทั้งแบบเสียเงินและแบบลงทะเบียนฟรี ซึ่งเว็บไซต์ผู้ให้บริการพื้นที่เขียน Blog นั้นมีทั้งของไทยและต่างประเทศ ดังที่ได้นำเสนอไปแล้ว

ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการสมัครเป็นสมาชิกจากเว็บไซต์ www.blogger.com ที่ซึ่งมีผู้นิยมใช้กันทั่วโลก และผู้เขียนเองก็ใช้อยู่ด้วย เหตุผลที่เลือกที่แห่งนี้ก็เพราะว่า ง่ายต่อการใช้งาน มีออปชั่นในการใช้งานและการปรับแต่งมากมาย และยังสนับสนุนภาษาไทยด้วย (จากแต่ก่อนที่เขียนภาษาไทยได้เพียงอย่างเดียว ณ เวลานี้แสดงเมนูคำสั่งและคำอธิบายต่างๆ เป็นภาษาไทย ทำให้ผู้ใช้เข้าใจ และใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น)

เว็บไซต์ www.blogger.com มีบริการใช้เราได้เลือกใช้ได้ 2 แบบ คือ แบบบุคคลธรรมดา: ให้บริการพื้นที่ใช้เขียน Blog ฟรี 25 Mb และแบบ VIP ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อใช้บริการเพิ่มเติม ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการสัครสมาชิกแบบธรรมดา ซึ่งมีขั้นตอนการสมัครดังนี้

1. เข้าสู่เว็บไซต์โดยพิมพ์ที่อยู่ www.blogger.com ใน Web Browser
clip_image002

2. เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์แล้ว คลิกที่ปุ่ม สร้างบล็อกของคุณทันที
clip_image004

3. จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 1 การสร้างบัญชี Google ให้ป้อนค่าต่างๆ ดังนี้
clip_image006

a. ที่อยู่อีเมล์ : ให้กรอกอีเมล์แอดเดรสของเราลงไป ถ้ามีอีเมล์ของ Google (gamil) ก็กรอกลงไปได้เลย หากไม่มีก็สามารถใช้อีเมล์อื่นๆ ก็ได้ครับ ...ลองใช้ของ yahoo ดู เอ๊ะ! มันก็เวิร์คแฮะ

b. กรอกอีเมล์เดิม เพื่อยืนยันอีกครั้ง

c. จากนั้น ป้อนรหัสผ่าน(อันนี้เราต้องตั้งเอง ไม่ต้องถามคนข้างๆนะครับ) อย่างน้อย 8 ตัวอักษร

d. ยืนยันรหัสผ่าน(เดิม) อีกครั้ง

e. พิมพ์ชื่อ ที่จะใช้เป็นชื่อลงท้ายบทความที่เราโพสต์ใน Blog (เหมือนเป็นนามปากกาของเรานั่นเองครับ)

f. จากนั้นพิมพ์ ตัวอักษร(พิสูจน์ความเป็นมนุษย์) ที่เราเห็นลงในช่องด้านล่าง

g. และเมื่อเสร็จแล้ว คลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ (อย่าลืมคลิกเช็คบ็อก ข้าพเจ้ายอมรับ ข้อตกลงการใช้บริการ) **ให้อ่านคำอธิบาย ที่กำกับอยู่ให้เข้าใจ ก่อนจะดำเนินการใดๆ

4. เข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ตั้งชื่อเว็บบล็อกของท่าน ซึ่งมีส่วนที่ต้องกำหนด 2 ส่วน คือ
clip_image008

a. ชื่อเว็บบล็อก : เป็นชื่อที่เราจะตั้งให้กับบล็อกของเรา ซึ่งจะแสดง (ที่ส่วนหัวของบล็อก) เป็นข้อความแรกสุดในหน้า Blog ของเรา เช่น Wonderful Life, My Life, Happy time หรืออะไรก็สุดแล้วแต่.. จะเป็นชื่อไทยก็ได้ครับ

b. ที่อยู่บล็อก (URL) : เป็นที่อยู่ที่คนทั่วไปใช้เพื่อเข้ามาชม Blog ของเรา ..ให้พิมพ์หลังคำ http:// ……………หลังจากพิมพ์แล้ว ให้ตรวจสอบดูว่า เราไปตั้งที่อยู่นี้ซ้ำกับที่อยู่ Blog ของใครบ้าง โดยคลิกที่ ตรวจสอบความพร้อมการใช้งาน ...หากที่อยู่นั้นซ้ำ จะปรากฏข้อความดังภาพตัวอย่าง
คือ บอกว่า ที่อยู่บล็อกนี้ใช้ไม่ได้ ...โปรดพิจารณาข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
clip_image009
แต่ถ้าชื่อที่อยู่เราตั้ง ไม่ไปซ้ำกับที่อยู่ Blog ใดๆ ก็จะปรากฏข้อความว่า ..ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้ ดังภาพตัวอย่าง
clip_image010

5. จากนั้นให้คลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ

6. จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 เลือกแม่แบบ (Template)
clip_image011
ซึ่ง แม่แบบ (Template) ในที่นี้ก็เปรียบเหมือน รูปร่างหน้าตาของ Blog เรา หรือสิ่งที่ปรากฏทุกอย่างในหน้า Blog หากเราเลือก แม่แบบ แบบหนึ่ง ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแม่แบบนั้น เช่น สีข้อความ การจัดวางส่วนต่างๆ ของ Blog พื้นหลัง เป็นต้น ให้เราเลือกแม่แบบอันใดอันหนึ่งก่อน ...ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนทีหลังได้ หลังจากทำการสมัครเรียบร้อยแล้ว

7. จากนั้นคลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ

8. เมื่อเสร็จแล้ว ...ก็จะแสดงข้อความว่า บล็อก ของคุณถูกสร้างขึ้นแล้ว ดังภาพ
clip_image013

9. เราจะลองเริ่มต้นเขียน Blog ดู ...โดยคลิกที่ปุ่ม เริ่มต้นการเขียนบล็อก

ก็จะเข้าสู่หน้าจอของการเขียน Blog ดังในภาพ...
clip_image015
เราจะลองเขียนบทความอะไรง่ายๆ ลงไป เช่น การแนะนำตัวเอง โดยทำตามขั้นดังนี้

a. พิมพ์ชื่อเรื่อง : เช่น ยินดีต้อนรับสู่ Blog ของฉัน, Welcome to my Blog หรืออื่นๆ ตามต้องการ

b. จากนั้น พิมพ์เนื้อหาลงในพื้นที่สีขาว(2) ...เนื้อหาตามต้องการ

c. ใช้เครื่องมือปรับแต่ง(3) เบื้องต้น (สังเกตว่าจะคล้ายๆ กับเครื่องมือของโปรแกรม Microsoft word ที่เราเคยใช้เลย)

d. เมื่อพิมพ์ข้อความต่างๆ เสร็จแล้ว ...เราจะทำการเผยแพร่สู่อินเทอร์เน็ต ให้คลิกที่ปุ่ม เผยแพร่บทความ

e. หากเราต้องการดูตัวอย่างงานของเรา ในขณะที่เรากำลังเขียนอยู่นี้ ..สามารถทำได้โดยคลิกที่แท็ปเมนูด้านบน : ดูบล็อก

แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กับการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอเนื้อที่ในการเขียน Blog ในเบื้องต้น จากนั้น หากเราต้องการจะดูหน้าตาของ Blog เราเวลาที่เปิดดูจากโปรแกรมเบราว์เซอร์ ก็สามารถทำได้โดยการพิมพ์ที่อยู่ Blog ของเราลงไปใช่อง Location Bar เช่น http://ชื่อที่อยู่ที่เราตั้ง.blogspot.com แล้วกด Enter

ตัวอย่าง : http://tingtong101.blogspot.com

** โดยสิ่งที่เราพิมพ์ลงไปทั้งหมดนี้ เราเรียกว่า URL ของ Blog : เป็นเหมือนชื่อที่อยู่ที่ตัวเรา หรือผู้ชมจะใช้พิมพ์ใน Location Bar ของโปรแกรมเบราว์เซอร์เพื่อเข้ามาชม Blog ของเรา

สำหรับรายละเอียดอื่นๆ เช่น การเขียนบล็อกในขั้นที่สูงขึ้น การปรับแต่งค่าต่างๆ ของ Blog การใส่ลูกเล่นอื่นๆ จะอธิบายในเนื้อหาต่อๆไป ...แล้วคอยติดตามกันนะครับ

08 มีนาคม, 2551

เลือกสีแต่ง Blog อย่างไรให้โดน...

แค่ "สี" ที่คนเรามองเห็นจากวัตถุหรือสิ่งใดๆ ที่แตกต่างกัน ก็ทำให้ความรู้สึกของเราเปลี่ยนแปลงได้ในหลากหลายอารมณ์ ..แสดงว่าสีมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคนเรามากอย่างหนึ่งทีเดียว และหากพูดถึง Blog การเลือกใช้สีแต่ง Blog ที่เหมาะสม ก็น่าจะมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้อ่าน Blog ได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สีที่เหมาะสมกับ Blog ของเราด้วย มาดูกันว่าสีแต่ละสีให้ความหมาย และความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างไร

  • สีขาว
    สีขาว ให้ความรู้สึกเรียบง่าย สะอาดตา โล่งสบาย ผ่อนคลาย และบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ และความดี ..เราจะสังเกตุว่า Blog ส่วนใหญ่จะเลือกใช้โทนสีนี้
  • สีเทา
    ให้ความรู้สึกสุภาพ สงบ สุขุม มั่นคง นอกจากนี้อาจทำให้เกิดความรู้สึกหม่นหมอง และโศกเศร้าได้อีกด้วย
  • สีฟ้า
    เป็นสีที่ดูแล้วสบายตา ให้ความรู้สึกเยือกเย็น เป็นอิสระ ช่วยทำให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ผ่อนคลาย รู้สึกปลอดภัย และนอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกถึงความนุ่มนวล และสุขสบายได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ท้องฟ้า ท้องทะเล
  • สีม่วง
    ให้รู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจ ทำให้จิตใจสงบ พลังของสีม่วงช่วยปรับสมดุลในร่างกายของคนเราให้กลับมาเป็นปกติ
  • สีน้ำเงิน
    ให้ความรู้สึกจริงจัง มั่นคง สุขุม และปลอดภัย ให้ความรู้สึกหรูหรา มีระดับ มักใช้แสดงความเป็นธุรกิจ มืออาชีพ เช่น โลโก้ IBM สีน้ำเงินยังแสดงถึงความใหญ่กว้างขว้าง และความเป็นชาย
  • สีเขียว
    เป็นสีธรรมชาติที่โดดเด่นที่สุดบนโลก เป็นสีของต้นไม้ใบหญ้า ที่เรามองแล้วเกิดความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย ผ่อนคลาย ปลอดภัย ทำให้เกิดความหวัง ความสมดุล เปิดเผย จริงใจ ชวนให้นึกถึงความเป็นธรรมชาติ สีเขียวเป็นสีที่มองดูแล้ว รู้สึกสบายตามากที่สุดสีหนึ่ง
  • สีเหลือง
    สีโทนเหลือง ที่ให้อารมณ์ของความสดใส และดึงดูดสายตา แต่ในบางครั้งก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยหน่ายได้เช่นกัน
  • สีส้ม
    ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีชีวิตชีวา บรรเทาอาการซึมเศร้าช่วยเรียกพลังความกระตือรือร้นในชีวิตให้กลับคืนมา นอกจากนี้สีโทนนี้ยังให้ความรู้สึกทันสมัยอีกด้วย
  • สีแดง
    ให้ความรู้สึกเร้าใจ ตื่นตัว ความคึกคะนอง แฝงด้วยความเร่าร้อนและมีพลัง ช่วยกระตุ้นพลังชีวิตให้มีความเข้มแข็ง มักนำมาใช้เพื่อเพิ่มพลังความมั่นใจ นอกจากนี้ยังเป็นสีมงคลของชาวจีนอีกด้วย
  • สีชมพู
    จะให้ความรู้สึกดูสบายตา ไร้เดียงสา อ่อนโยน เบาบาง น่ารักน่าหยิก โนเนะ แบบผู้หญิงๆ
  • สีน้ำตาล
    เป็นสีแห่งโลก เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ เป็นสีของยุครุ่งเรืองทางวัตถุ ในขณะเดียวกันสีน้ำตาลยังให้ความรู้สึกอบอุ่น เยือกเย็นอีกด้วย
  • สีดำ
    ให้ความรู้สึกย้อนยุค เร้นลับ แสดงถึงความเป็นอมตะไม่เปลี่ยนแปลง บางครั้งดูทำให้แล้ว ทำให้รู้สึกเมื่อยตา ไม่สดใส
  • ส่วนการเลือกใช้สีผสมกัน แบบหลายๆ สี
    ก็คงจะให้อารมณ์และความรู้สึกหลากหลาย แบบวาร์ไรตี้ (Variety) นั่นหละครับ ถือว่าเป็นศิลปะอีกแบบหนึ่ง

เอาหละครับ นี่ก็เป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ ส่วนหนึ่ง จากหลายๆ อย่างที่จะทำให้ Blog เราของเราดูดี และดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมนอกจากเนื้อหาที่มีคุณภาพ เพราะการเลือกสีให้กับ Blog มีผลกับภาพรวมของ Blog ซึ่งควรจะให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่นำเสนออยู่

..ขอให้สนุกกับการปรับแต่ง Blog และเลือกใช้สีให้ถูกใจ และโดนใจผู้อ่านนะครับ :-)

---------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : จากหลายที่หลายทาง ทั้งจากอ่านหนังสือ และเซิร์ซเน็ต ขออภัยด้วยให้เครดิตไม่ถูกจริงๆ

ขอบคุณ รูปภาพ(สวยๆ) ตัวอย่าง Blog จาก : http://www.oswd.org/

03 มีนาคม, 2551

แล้วจะใช้ตัวไหนดี! ..Anti Virus

เนื่องมาจากบทความที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากไวรัส (วายร้าย)

หลังจากได้ลองใช้โปรแกรม Norton Internet Security ไป
ได้สักพักหนึ่ง จนใกล้ครบ 30 วัน จะหมดเวลาการให้ใช้ฟรี
เหลืออีก 3 วัน ก็ลองกด Renew เพื่อต่ออายุการใช้งานใหม่
อีกครั้ง

...ก็นึกว่าจะต่อให้ง่ายๆ แบบฟรีๆ อย่างที่คิดไว้แต่แรก
ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างที่คิดครับ ต่อให้ได้จริง แต่ ...คิดค่าต่ออายุให้ประมาณ พันกว่าบาท (เอาหละ ตอนนี้เลยรู้ว่าของดี และฟรีจริง มันไม่ค่อยมีอยู่ในโลกหละครับ)

เห็นว่ามันยุ่งยากนัก ก็เลยไม่ต่อแล้วหละ Uninstall ออกไปแล้ว ..และก็ไปลงโปรแกรมตัวอื่นแทนไปแล้ว ..และความสามารถดีเยี่ยม ไม่แพ้กัน (เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง เอ๊ยให้อ่านกันต่อไปครับ) วันนี้เรามาแฉเจ้า Norton Internet Security กันดีกว่า ว่ามันดีและแย่เยี่ยงไร

ข้อดี คือ...

  • เป็นทั้งโปรแกรม AntiVirus เหมือนโปรแกรมสแกนและกำจัดไวรัสทั่วไป ...และนอกเหนือจากนั้น คือ...
  • มีระบบ Intrusion Prevention (ระบบการตรวจสอบการบุกรุก)
  • มีระบบป้องกันการโจมตีจาก Hacker
  • ขัดขวางการแพร่กระจายของไวรัสที่ติดมาจาก E-mail
  • เป็นโปรแกรมป้องกันภัยที่มาจากทางอินเทอร์เน็ต นอกจากไวรัสแล้วยังมีบรรดา
    • Spyware (เป็นโปรแกรมที่แฝงเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของเรา ไม่มีการติดไฟล์ ไม่มีการแพร่เชื้อ แต่..มันจะทำการติดตั้งตัวเองลงในเครื่องของเรา และสิ่งที่มันทำ คือรบกวนและละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น โฆษณาสินค้า เปิดและชวนเข้าเว็บไซต์ลามก)
    • Phishing (ออกเสียงเหมือนคำว่า Fishing ที่แปลว่าการตกปลา) คือวิธีโจรกรรมข้อมูลแบบใหม่ ใช้วิธีล่อลวงเพื่อล้วงข้อมูลสำคัญของเรา เอาไปใช้ในทางมิดีมิร้าย
    • Rootkit (กลุ่มของโปรแกรม ที่ Hacker ใช้ในการบุกรุกเข้ามาเพื่อควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ หรือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของเรา)
    • Internet worms (คล้ายกับ Virus แต่ Worm มีลักษณะที่ต่างจาก Virus คือ สามารถแพร่กระจากตัวเองได้โดยไม่ต้องติดต่อทาง File แค่เราต่อ Internet โดยไม่ใช้โปรแกรมป้องกัน/ป้องกันไม่เต็มที่ ..เราก็มีโอกาสถูกหนอน(Worm) เหล่านี้ชอนไชได้เช่นกัน)

นี่แหละครับ คือข้อดี ที่เค้าอธิบายมา และเท่าที่ผมได้ทดลองใช้มา ก็ถือว่าเวิร์คมากๆ แต่ในความดี ..ก็แอบมีข้อด้อยแฝงอยู่

ข้อด้อย คือ...

  • อ้วน คือ
    เป็นโปรแกรมที่มีขนาดมโหฬารพอสมควร (ใหญ่ มากๆ เจ้อ้วนคนนี้) ..และ ทำให้มีผลตามมา คือ
  • อืด เช่น
    ทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้อยู่ อืด และช้าลงในบางครั้ง เช่นในเวลาที่เค้ากำลัง Update ตัวเองอยู่ ..อืด อืดมากๆ ขอบอก เพราะคอมฯที่ผมใช้มันก็สุดแสนเก่าด้วยเช่นกัน Cel 2.4GHz แรม 256 Mb เท่านั้นเอง ..จึงน่าจะเหมาะกับเครื่องที่เจ๋งกว่านี้

ข้อด้อยที่เจอ ก็เห็นจะมีแค่นี้ ..อาจจะหาไม่เจออีกก็เป็นได้ เพราะใช้อยู่แค่ 30 วัน(ไม่ถึงด้วย)เอง

และตอนนี้ได้เปลี่ยนไปลองของใหม่อีกแล้ว โปรแกรมที่ว่าก็คือ Kaspersky Internet Security (ฟรี 30 วัน อีกเช่นกัน) ..เน้นกับคำว่า Internet Security เพราะชีวิตนี้ใช้คอมพิวเตอร์แล้ว ไม่ยุ่งกับ Internet ไม่ได้เสียแล้ว และ Internet ก็ไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยสำหรับคอมพิวเตอร์ของเราอีกต่อไป

ภัยของคอมพิวเตอร์ ไม่ได้มาจากไวรัสที่ติดมาจากไฟล์เสียแล้ว แค่เราเปิดคอมพิวเตอร์แล้วต่อ Internet บรรดาสิ่งแปลกปลอม..??ไม่ได้รับเชิญ(เจ้าวายร้าย)ทั้งหลายก็ยกขโหยงกันมา และรออยู่หน้าบ้านของเราแล้ว เมื่อไรที่บ้านเรารั้วไม่รอบ ขอบไม่ชิด ประตูปิดไม่สนิท หรือกำแพงโหว่ เป็นรูโบ๋ ...เมื่อนั้นก็ให้รู้ได้เลยว่า เสร็จมันแน่ๆ (แหงๆ)

ปล. มาบ่นเรื่องไวรัสอีกแล้ว !!

19 กุมภาพันธ์, 2551

รู้จัก Yahoo! รู้รอบ

ห่างหายจากการอัพเดทบล็อกไปนานพอสมควรสำหรับช่วงนี้ ด้วยภาระที่ต้องทำหลายอย่าง แต่จริงๆ แล้ว ก็ยังมิได้หนีหายไปไหน ยังเข้ามาดูเป็นระยะๆ เช่นเดิม และช่วงที่หายไปนี้ก็ได้ไปเจอที่ที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง เป็นเว็บไซต์ครับ และเป็นเว็บไซต์ที่กำลังเป็นข่าว(ดัง)ล่าเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับเสนอซื้อกิจกรรมจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านระบบปฏิบัติการชื่อดัง อย่างไมโครซอฟต์

จากที่พูดมาทุกคนก็คงจะทราบแล้วว่า คือเว็บไซต์แห่งใด ไม่บอกก็คงจะพอเดาได้หละครับ ว่าคือ... Yahoo! นั่นเอง เว็บไซต์ที่ว่านี้เป็นของ Yahoo! ครับ แต่มันมีชื่อว่า Yahoo! รู้รอบ (ประเทศไทย) ครับ ซึ่งเป็นลักษณะเว็บไซต์ชุมชนถาม-ตอบ แบบ Q&A คล้ายๆ กับ http://groups.google.com แต่ไม่เหมือนทีเดียว

ซึ่งที่นี่จะให้เราได้ตั้งคำถามถามในเรื่องต่างๆ ที่เราอยากรู้ ไม่ว่าจะเป็นทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องที่จริงจัง ที่ต้องการคำตอบที่ถูกต้อง แน่นอน และนอกจากที่เราต้องการรู้แล้ว เรายังสามารถแบ่งปันความรู้ด้วยการช่วยตอบคำถามให้กับคนอื่นในเรื่องที่เราตอบได้ หรือมีความรู้ ซึ่งถือว่าเป็นการแชร์ความรู้ร่วมกัน (แต่! สังเกตดูเว็บไซต์จะเน้น การตอบ มากกว่าการถามนะครับ เพราะมิเช่นนั้นคงจะไม่เรียกว่า Yahoo! รู้รอบ เป็นแน่แท้)

และใน Yahoo! รู้รอบ เราสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ คือ สามารถถาม, ตอบ, โหวต และให้คะแนน ซึ่งจะมีระบบให้คะแนนแก่ ผู้ร่วมตอบ-ถาม ด้วย เช่น

  • เริ่มมีส่วนร่วมใน Yahoo! รู้รอบ (ลงทะเบียน แล้วเข้าหน้าเว็บไซต์ครั้งแรก) ก็ได้แล้ว 100 คะแนน จากนั้น...
  • ลงชื่อเข้าใช้งานกับ Yahoo! รู้รอบ ในวันนั้น 1 คะแนน
  • ถ้าตอบคำ 1 คำถาม ได้ 2 คะแนน
  • โหวตให้กับคำตอบที่ดีที่สุด 1 คะแนน
  • เลือกคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามที่เราตั้ง 3 คะแนน
  • หากเราตั้งคำถาม เราจะถูกหักไป 5 คะแนน
  • แต่ เมื่อไร คำตอบของเราได้รับเลือกให้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด เราจะได้ถึง 10 คะแนน เลยทีเดียว

อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างนะครับ ..ซึ่งระบบการให้คะแนนเช่นนี้ ทางเว็บไซต์เค้าบอกว่า เป็นการกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมและมอบรางวัลให้แก่คำตอบที่มีคุณค่า ที่เป็นประดยชน์ และคะแนนนี้จะมีการสะสมและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจาก 100 และมีการแบ่งระดับของผู้ตอบ (เหมือนกับเลเวลในเกมที่เด็กเล่นกระมัง) มีระดับตั้งแต่ ระดับ 1 - 7 ถ้าเราได้คะแนนสะสมเพิ่มมากขึ้น ระดับของเราก็จะเพิ่มขึ้นตาม เช่นกัน ยิ่งระดับเราสูงเท่าไร เราก็จะสามารถกระทำในสิ่งข้างต้นได้ทุกอย่าง

ทีนี้พอจะทราบแล้วนะครับว่า Yahoo! รู้รอบ คืออะไร (ในเบื้องต้นนี้) ซึ่งผมเห็นว่าที่นี่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้คนที่ใช้อินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์ ในการหาความรู้ ถ่ายทอดความรู้ ให้กับสังคมไซเบอร์แห่งนี้ เป็นการสร้างสรรค์สังคมแห่งนี้ให้ดียิ่งขึ้น ...และที่แห่งนี้ขอรับรองว่า เป็นที่ที่สะอาด ไม่มีการด่ากัน ทำร้ายกัน หรือฆาตกรรมกันด้วยข้อความ คำพูดที่เป็นตัวอักษร

หากต้องการรู้จัก รู้รายละเอียดมากยิ่งกว่านี้ ลองเข้าไปศึกษาดูได้ครับ ที่ Yahoo! รู้รอบ ครับ

11 กุมภาพันธ์, 2551

ประสบปัญหา ..ไวรัสรบกวนอย่างแรง

แย่จังเลยคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่ใช้อยู่ มีอาการบู๊ตช้ามาก เข้าโปรแกรมช้ามาก เปิดเบราว์เซอร์พร้อมกันหลายหน้า มีอันต้องแฮ๊งค์ร่ำไป!!! อาการเหล่านี้ เพิ่งจะเป็นได้ไม่นานมานี้ มันน่าสงสัยหนะว่า เอ๊ ทำไมห..ว่า! เครื่องเรามันอืดแสนอืดอย่างนี้ มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ขนาดว่าเครื่องคอมของตัวเองจะดูแลนัก ดูแลหนา ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม! แล้วเชียว(ขนาดนั้นเลย เหอะ เหอะ!) แต่สุดท้ายแล้วมันก็เอาเข้าจนได้ ไวรัส วายร้าย! แขกผู้(ไม่ประสงค์ดี)ไม่ได้รับเชิญ แอบดอดเข้ามาในบ้านซะแล้ว

ที่รู้ว่าเป็นไวรัสจริงๆ ก็ตอนที่เพื่อนเอาแฮนดี้-ไดรฟ์มาก๊อปปี้ข้อมูลแล้วเอาไปเปิดที่เครื่องเค้า แล้วโปรแกรมแอนตี้ไวรัสมันก็ฟ้องว่าเจอเข้าให้แล้ว เยอะมากด้วย ไอ้เราก็แอบเถียงว่า ไม่นา ..ไม่น่าจะใช่ เครื่องเราปลอดน่า แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเชื่อเค้า เพราะเครื่องเรามันก็ฟ้องขึ้นมาเองเช่นกัน เจอไวรัสจริงๆ ด้วยหละ หลายเจ้าด้วยกัน แต่ตอนที่มันฟ้อง มันก็บอกว่าฆ่าได้น๊ะ! แต่ถ้าใช้โปรแกรมสแกนหาตรงๆ ..กลับไม่เจอเลยแม้แต่ตัวเดียว (เออ เอาแล้วซิ เป็นอะไรไปแล้วเนี่ยเครื่องตู) ในขณะที่เครื่องก็ออกอาการช้ามากก ..เช่นเคย

ก็เลยลองใช้บริการ สแกนไวรัสออนไลน์ ดู

Click to Start
Mcafee
Click to Start
Norton - Symantec
Click to Start
Panda
Click to Start
BitDefencer - Softwin

image
F-Secure Online Scanner


Trend Micro
Click to Start
Kaspersky Lab.
Click to Start
GFI
Click to Start
CA
image avast!
image Online malware scan image
NanoScan

ESET Online Scanner

ก็ปรากฏว่าเจอจริงๆ ฆ่าได้หลายตัว มีบางตัวทำอะไรมันไม่ได้ เพราะมันฝังแน่นไปแล้ว เวลานี้ก็เลยต้องปล่อยให้มันได้ใจขยายพันธุ์ไปก่อน เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยจะว่างจริงๆ ไว้มีเวลาเมื่อไหร่จะจัดการทันที ..คอยดูเถอะ เจ้าไวรัส วายร้าย!!!

เดี๋ยวเจอกัน !!!ฮึ่มมม

ว่าแต่ใครจะลองใช้บริการ ค้นหาและฆ่าไวรัสแบบออนไลน์ ก็เชิญทดลองใช้บริการได้เลยครับ ถือว่าเป็นทางเลือกอีกทีหนึ่ง ที่สามารถช่วยเราได้ดีทีเดียว

21 มกราคม, 2551

โอ๊ะ โอ๋!! วัฒนธรรมการคอมเมนต์เยี่ยงนี้ ..ฝรั่งก็เป็นด้วยแฮ๊ะ!!!

แบบนี้ คงเคยเห็นกันนะครับ

มีให้เห็นกันเกลื่อนตามเว็บบอร์ด Forum เว็บไซต์ และ Blog ต่างๆ ทั่วไป

และก็แบบนี้ ...

เวลาที่หมดมุข ..จะเขียนเรื่องอะไรลง Blog ดี มันนึกไม่ออกจริงๆ จะเขียนเรื่องที่คิดไว้ในใจ(คิดไว้แล้ว ..แต่) แต่ก็คงทำไม่ได้ เพราะต้องหาข้อมูลเพิ่มก่อน จะใช้วิธีการตามที่เคยเขียนในบทความเรื่องนี้ 5 อย่าง ที่ควรทำ ..เวลาหมดมุขเขียน Blog ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อไหนที่จะใช้ได้เลยเวลานี้ ...ก็เลยท่องไปตามเว็บฯ/บล็อกต่างๆ ของชาวบ้านดู เผื่อเจอะข้อมูลที่เราจะใช้ได้มั่ง

พอดีไปเจอ Blog ภาษาญี่ปุ่นอยู่ที่หนึ่ง เห็นน่าสนใจดี แต่อ่านไม่รู้เรื่องหรอกครับ ก็ไล่ๆ คลิกดู จนมาโผล่เว็บไซต์ฝรั่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งของจากของที่ใช้แล้วหนะครับ ไล่ๆ ดู อืออ น่าสนใจดี อ่านเข้าใจบ้าง เข้าใจแบบมั่วเอาบ้าง ตามประสาคนภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ...และสุดท้ายก็มาสะดุดกับส่วนท้ายของเนื้อหานี่หละครับ เอ๊! แบบนี้มันใช่ฝรั่งคอมเมนต์ฤเปล่า(หว่า)???

และถ้าแบบนี้หละ?

มาดูกันครับ!! (คลิกที่รูป ขยายดูภาพใหญ่ครับ)

แหม่! ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็น "ฝรั่ง" ..ทำไมช่างทำอะไรเหมือนกะบ้านเราจังเลย เนี่ย แถมมีการเถียงกันด้วยหนะครับ ลองอ่านดูนะครับ !!

มั่วๆ ตามผมแบบนี้เลยครับ

  • เย๊! ฉันมาก่อน
  • หุ หุ ..ฉันมาคนที่ 2 อ่า
  • ฮึ่ย์ นั่นมันไม่ใช่คอมเมนต์หรอก นี่ไงคอมเมนต์ของฉัน(ว๊อย!)
  • ไม่! ไม่ใช่ ผวกคุณไม่ได้ทิ้งคอมเมนต์ไว้เลย ดังนั้น ..ต้องเป็นฉันที่คอมเมนต์คนแรกวุ๊ย!!

ดูๆ แล้ว ก็ตลกดี เราก็นึกว่าแบบนี้มีแต่ในไทยแลนด์ซะอีก ที่ไหนได้การกระทำแบบนี้ ..ฝรั่งเค้าก็ทำกันเป็นด้วยแฮ๊ะ ..ไม่รู้ใครเลียนแบบใคร? (เหอะ เหอะ เหอะ!!)

ปล. จริงๆ อาจจะไม่ใช่ "วัฒนธรรม" หรอกนะครับ แต่ที่ใช้คำนี้ เพราะพาดหัวให้มันน่าสนใจ และเข้ามาอ่านให้ขำขำกัน เท่านั้นเองครับ ..อย่าคิดมาก!! :-)

18 มกราคม, 2551

รู้จัก Blog และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Blog

หน้านี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาบทความเก่าที่เคยเขียนตอนแรกๆ เมื่อครั้งเปิด Blog ใหม่ๆ บทความที่เขียนเริ่มมากขึ้น บทความเก่าๆ (และหลายเรื่อง ที่คิดว่ามีประโยชน์) จะถูกดันไปอยู่ด้านล่างทุกครั้งที่โพสต์เรื่องใหม่ ผู้ที่เพิ่งเข้ามาก็เลยมองไม่เห็น จึงหาอ่านไม่ได้ ..เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงได้ทำการรวบรวมบทความทั้งหลายแหล่ที่เกี่ยวกับ Blog เบื้องต้นมาให้อยู่ในหน้าเดียวซะเลย โดยทำเป็นหัวข้อๆ ไว้ เพื่อให้เลือกอ่านกันได้ง่ายขึ้น (ดีมั๊ย?)

บทความที่เกี่ยวกับ Blog เหล่านี้ (คิดว่า ..น่าจะ)เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสนใจในการเขียน Blog และศึกษาหาความรู้จาก Blog ครับ โดยค่อย ๆ ทำความรู้จักกับ Blog ในเบื้องต้นไปก่อน เป็นปูพื้นเรื่อง Blog ในขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ง่ายแก่การเรียนรู้ในขั้นสูงขึ้นต่อๆ ไป

เนื้อหาในเรื่องต่างๆ เหล่านี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และหากเรื่องนั้นๆ ยังมีส่วนเพิ่มเติมอื่นอีก ผมก็ได้พยายามทำเป็นลิงค์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือบล็อกที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาส่วนนั้นได้โดยสะดวกโยธินยิ่งขึ้น

ทีนี่เราก็มาดูกันต่อว่า Blog คืออะไร ..มีประโยชน์และสำคัญอย่างไร ทำไมผู้คนในยุคปัจจุบันจึงให้ความสนใจกันนัก และนับวันจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ Blog สามารถคลิกเลือกได้ดังต่อไปนี้ ครับ

เพิ่มเติม : คำที่เกี่ยวข้องกับ Blog

Blogosphere หมายถึง "โลกแห่งบล็อก" เป็นคำที่หมายรวมถึง คำว่า WebLogs Community และ Social Network เข้าด้วยกัน ซึ่ง Blogosphere หรือโลกของบล็อกนี้ อาจจะเป็นเว็บบล็อก(WeBlogs) ต่าง ๆ  คนเขียนบล็อก (Blogger) ผู้อ่านบล็อก (Blog Reader) ชุมชนของบล็อก(Social Network)ต่าง ๆ และรวมถึงสิ่งต่าง ๆ หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่พูดถึงบล็อก เช่น เรากำลังอ่านเนื้อหาเรื่องนี้ ในบล็อกนี้อยู่ ถือว่าเราเป็นคนหนึ่งที่อยู่ใน Blogosphere เช่นกันครับ

15 มกราคม, 2551

เป็นปลื้ม! ...Google PageRank ขยับอีกแล้ว

วันนี้เข้ามาดู Blog ของตัวเองแล้วอดประหลาดใจไม่ได้ มีสิ่งหนึ่งที่ตัวผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น(อีก) แต่มันก็เป็นไปแล้ว ..จนได้ ที่ไม่คิดก็เพราะว่าช่วงนี้ผมไม่ค่อยจะได้เข้ามาอัฟเดทข้อมูลใน Blog บ่อยนัก เป็นเช่นที่บอกไปในบทความก่อนหน้านั้นหละครับ ด้วยงานที่รัดตัวแบบรัดติ้ว แม้แต่จะเข้ามาทักทายสวัสดีปีใหม่กับผู้อ่าน ยังมิมีเวลามาทักเลยครับ ...ก็เลยได้แต่คิดว่า "ข้าฯจะร่วง.. และร่วงฯ ก็คราวนี้หละว้า" ก็เลยไม่คิดว่าจะรุ่งแล้วหละ (หะ หะ)

แต่จะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ หลังจากปีใหม่ผ่านมาได้ซัก 4 วันเห็นจะได้ ผมก็ได้เข้ามาเขียนเนื้อหาในบล็อกอีกครั้ง วันที่ 4 เรื่องที่ 1 และวันที่ 6 เรื่องที่ 2 และวันนี้ เรื่องที่ 3 และเหตุที่เขียนเรื่องนี้ก็คือ หลังจากที่เปิด Blog ของตัวเองดู (เพราะว่าปกติ คนอื่นไม่ค่อยดู เราก็เลยต้องดูเอง) ตา(หาเรื่อง)ก็เหลือบไปเห็นแถบ Google Toolbar โดยเฉพาะตรงนั้นเลย PageRank ของ Google อืออ! ไม่น่าเชื่อหนะ ตัวเลขมันเปลี่ยนไปครับ จากเลข 2 ก่อนหน้านี้ ...ณ เวลานี้มันเปลี่ยนเป็นเลข 3 ไปแล้วครับ (โฮ๊ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ! ดีใจขนาด)

ทั้งดีใจ และประหลาดใจ ดีใจ เพราะ "อ่า ไม่ดีใจได้ไงหละ ก็อันดับเราเพิ่มขึ้นไง" แล้วที่ประหลาดใจก็เพราะ "เอ๊! ขึ้นได้ไงเนี่ย เราไม่ได้ทำอะไรกะมันเลยนา" ก็อย่างที่บอกไปแล้วหละครับว่า ไม่ได้อัฟเนื้อหาบล็อกขนาดนี้ แล้วมันจะขึ้นได้ฤา เวลานี้ก็เลยงงด้วยเกล้าหละครับ ยังหาสาเหตุไม่เจอ!

แต่ก็ให้น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ เวลาที่ผมลองค้นหาข้อมูลในบล็อก(คือ อาจจะเป็นคำๆ หนึ่ง ที่เป็นเนื้อหาในบล็อก)ของตัวเองจากเว็บไซต์ www.google.com แล้วปรากฏว่า เจอเนื้อหาใน Blog นี้ ซึ่งแสดงเป็นอันดับต้นๆ เลย คือเท่าที่ดูไม่น่าจะเกินอันดับ 10 หนะครับ

คือจะเป็นด้วยเหตุนี้ฤเปล่าก็ยังไม่แน่ใจนัก หรืออาจมาจากการแลกลิงค์กับBlog/Site อื่นๆ ...อืออ อันนี้ก้ไม่น่าจะใช่ทีเดียวนัก เพราะก็ไม่ได้ไปแลกกับใครเลย เท่าที่มีอยู่ก็ไม่กี่เลยครับ ไม่น่าจะถึง 20 ที่ด้วยซ้ำไป

และที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ จากบทความเรื่องนี้ อยากรู้มั๊ยเอ่ย? ...ใครแอบกิ๊กเรา ที่ผมได้เสนอไปแล้ว คือ Who link to me ที่ใช้ดูว่ามีบล็อก/ไซต์ไหนบ้างที่ลิงค์มาหาเรา ซึ่งผมก็ลองเข้าไปดูบล็อกของตัวเองด้วย ก็มีอยู่ที่หนึ่งที่แสดงได้เยี่ยมมาก ก็คือของ Yahoo! ครับ ที่บอกว่า (Yahoo! has found 1,010 links to this site.) เค้าเจอลิงค์ที่เชื่อมโยงมายังบล็อกเราถึง 1,010 ลิงค์ เลยทีเดียว

เท่าที่คิด ยังไม่ทราบแน่ว่าเป็นที่เหตุใด ..แต่เวลานี้ขอเป็นปลื้มไว้ก่อน (เหอะ เหอะ ..!!) เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที 555! ..แอบดีใจครับ!!!

เพิ่มเติม : อาจเป็นตามแนวคิดในรูปนี้ก็ได้ครับ(ขออนุญาตนำรูปมาลงด้วยครับ) บล็อกเราได้รับอานิสงค์มาจากบล็อกใหญ่ ที่ได้ Traffic เข้ามามากมาย และมี PageRank ที่สูงกว่า ..บล็อกเล็กๆ เช่นเราก็เลย "พรอยฟ้าพรอยฝน" ไปด้วย(เหมือนธุรกิจขายตรงบางประเภท) ..เจ้าของรูปอธิบายได้ชัดแจ่มดีครับ เข้าไปอ่านคลิกที่รูปเลย

Related Posts by LinkWithin

Related Posts with Thumbnails