การอ้างอิง คืออะไร? แล้วทำไมต้องอ้างอิงด้วยหละ! เราคงไม่ต้องอ้างอิงก็ได้ครับ ...หากเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ คือ การที่เราได้ไปเห็น ได้ไปอ่านและรับรู้ Entry(การบันทึก การจดบันทึก) เรื่องใดเรื่องหนึ่ง จากเว็บไซต์หรือบล็อกที่ใดที่หนึ่งของชาวบ้านเค้า แล้วเราเกิดถูกใจ หรืออาจจะแคลงใจ(ตะหงิด ตะหงิด)ก็ได้ แล้วอยากจะเอามาพูดต่อ ขยายความต่อในเรื่องเดียวกันในบล็อกของเรา
<< ความจริงในเรื่องของวิธีการศึกษาในปัจจุบัน ก็คือ สิ่งที่เราเรียนรู้กันอยู่ทุกวันนี้ ความรู้ที่เราได้รับรู้มานั้น เกิดจากการถ่ายทอดต่อกันมาเป็นทอดๆ จากผู้ที่ค้นพบ ผู้คิดค้น ผู้ที่รู้ก่อน ดังนั้นการอ้างอิงในสิ่งที่เรารับรู้มาจากผู้อื่น จึงเป็นเรื่องของมารยาท ที่เราจะต้องให้เกียรติกับผู้ค้นพบความรู้นั้นๆ และอีกอย่าง ยังเป็นการแสดงถึงการเป็นคนที่ยอมรับในกติกาที่ว่า "ถ้าอ้างอิงต้องบอกแหล่งที่มา การบอกถึงแหล่งที่มา เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ทำให้ผู้อ่านสามารถตามไปค้นถึงต้นตอ และดูในรายละเอียดได้ต่อไปได้" >>
แหล่งข้อมูลจาก : วิจัยน่ารู้ และการจัดการความรู้
ทีนี้มาพูดเรื่องการอ้างอิงในบล็อกเราต่อ ..เมื่อใดก็ตามที่เราได้เข้าไปอ่านเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในบล็อก/ไซต์คนอื่น แล้วเกิดอยากจะเอามาพูดหรือขยายความต่อในเรื่องนั้นๆ ด้วย เราก็ต้องให้เครดิต(ให้เกียรติ)เค้าผู้เป็นเจ้าของเรื่อง ตามมารยาทของบล็อกเกอร์ที่ดี
วิธีการดังนี้ ครับ
- ทำลิงค์(Link) ไปยังบทความเรื่องนั้น โดยตรงเลยครับ วิธีนี้ทำได้ในขณะที่เรากำลังเขียนบทความอยู่ เราก็ทำลิงค์เชื่อมโยงออกไปตามปกติ เหมือนตัวอย่างข้างบนนี้เลยครับ และการทำลิงค์ไปยัง Entry นั้นๆ ควรจะเป็นลิงค์ของ Entry นั้นโดยตรง หรือที่เรียกกันว่า Permalink(ลิงค์ถาวร) คือเป็นลิงค์ที่ไปยังหน้านั้นๆ จริงๆ ไม่ใช่ไปหน้าแรกของบล็อก
- ใช้ Trackbacks อันนี้จะใช้ได้กับบล็อกที่สนับสนุน Trackbacks นะครับ ของ Blogger เองยังไม่สนับสนุนเลยครับ (อือ ..เศร้า!) แต่มีวิธีอื่น ใช้ทดแทนกันได้ ..เดี๋ยวจะพูดต่อทีหลังครับ
แล้วเจ้า Trackbacks เนี่ย มันคืออะไร? อย่าเพิ่งงงครับ มันคือ "เป็นโมดูล แสดงส่วนอ้างอิง" ครับ เช่น กรณีที่มี Entry หรือเนื้อหาของบล็อกอื่น อ้างอิงถึงเนื้อหาของเรา เจ้าของบล็อกจะสามารถทราบได้ว่า มีผู้เขียนบล็อกคนใดได้นำ Entry ของเราไปอ้างอิงที่ใดบ้าง โดยดูได้จากส่วน Trackbacks ตรงนี้แหละครับ - ใช้ Blog it ใน Windows Live Space จะมีเมนูพิเศษแบบนี้อยู่ เพื่อใช้ในเวลาที่เราจะพูดถึงบล็อกที่เราเอาเนื้อหาเค้ามาขยายความต่อ ขณะที่เราอ่านเนื้อหาเรื่องนั้นอยู่ เราก็คลิกที่แถบ Blog it ได้เลยครับ ..แล้วหน้าจอก็จะโหลดมายังโหมดแก้ไขในสเปซของเรา โดยมีการตั้งชื่อเรื่องให้ และสร้างลิงค์(ให้เครดิต)ไปยังบทความต้นฉบับให้เรียบร้อย (ถ้าเป็น Msn space รุ่นก่อนหน้านั้น จะมาทั้งเนื้อหาทั้ง Entry ทุกอย่าง เลยหละ)
เพิ่มเติม...
วิธีเก็บ Permalink หรือลิงค์ถาวร ทำง่ายๆ ดังนี้
- คลิกขวา ตรงชื่อบทความ ..จะมีเมนูฉลาดเปิดขึ้นมา
- เลื่อนเมาส์ลงมา คลิกที่ Copy Link Location (ใน Firefox) ใน IE6 ทำขั้นตอนเดียวกัน แต่คลิกที่ Copy shortcut หรือจะคลิกที่ ชื่อบทความ เลยก็ได้ครับ และใน Opera คลิกที่ Copy link address ครับ
- ทีนี้เราก็จะได้ลิงค์ถาวรของ Entry นั้นจริงๆ เลย และเอาไป Paste ลงในลิงค์ที่เราจะเชื่อมโยงไปได้เลยครับ
Trackbacks ของ Blogger ยังไม่มีให้ใช้ ..เราก็ใช้คำสั่งอื่นแทนได้ ดังนี้ครับ
- ท้าย Entry ของทุกบทความจะมีส่วนที่ชื่อว่า Links to this post หรือ ลิงก์ไปยังบทความนี้ ให้คลิกตรงนั้นได้เลยครับ
- เสร็จแล้วจะเปิดหน้าใหม่ ในโหมดแก้ไขบทความ พร้อมมีลิงค์สำหรับโยงไปยังบทความต้นฉบับให้เรียบร้อย โดยลักษณะการทำงานจะคล้ายๆ กับ Blog it ใน Windows Live Space เลยครับ
สรุป
หากเราทำถึงขนาดนี้แล้ว เค้าคงไม่มาว่าเราแล้วนะครับว่า เราไปคัดลอกเนื้อหาเค้ามา ก็อุตส่าห์ให้เกียรติ ให้เครดิตไปแล้วขนาดนั้น ..แล้วเค้า(เจ้าของ Entry ต้นฉบับ)จะไม่ถูกใจเลยสักนิดเลยหรือกระไร ? คงเป็นไปไม่ได้หละมั๊ง! ใช่ไหมครับ??
โดยปกติวิธีการลิงค์มี 2 แบบหลัก คือ ลิงค์ท้ายบทความ กรณ๊ที่ไปเอาเนื้อหามาทั้งหมด หรือเรียบเรียงมาจากบทความนั้นเป็นส่วนใหญ่ กับอีกวิธีคือใส่แทรกในเนื้อหาเป็นการพูดถึง ส่วนใหญ่บล็อกจะใช้วิธีแบบนี้กัน จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมาก เหมือนการเขียนรายงานหรือวิทยานิพนธ์ ที่เขามักมี (ชื่อ, ปี)
ตอบลบเด็กๆ จะเอาตัวอย่าง รับตัวอย่างผิดเพี้ยนมาบ่อย เพราะอิทธิพลของการอ้างอิงแบบห่วยแตกของเว็บใหญ่ๆ อย่างสนุก ไทยแวร์ หรืออื่นๆ
ขอบคุณมากครับ คุณ n-blue
ตอบลบสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ...
thankyou
ตอบลบ