07 ธันวาคม, 2550

iGoogle คืออะไร

iGoogle หรือแรกเริ่มเดิมที ชื่อว่า Google homepage หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ

Google Personalized Home Page ซึ่งเป็นบริการหน้า Home Page ฟรีของ Google ที่ให้เราเลือกเนื้อหาต่างๆ ต่อไปนี้มาวางได้ เช่น ข่าว เกม RSS จากเว็บไซต์หรือ Blog ที่เราต้องการทราบข้อมูลข่าวสารอยู่เป็นประจำ และฟีเจอร์พิเศษที่เราสามารถปรับแต่งและใส่เนื้อหาได้เอง ที่เรียกว่า Gadgets เช่น เราสามารถจะใส่รูปแบ่งให้คนอื่นดู แสดงวีดิโอจาก YouTube Video หรืออาจจะแสดงปฏิทิน พยากรณ์อากาศ นาฬิกาบอกเวลาและวันที่ และอื่นๆ ตามที่เราต้องการ :-)

iGoogle ก็เหมือนกับหน้าเว็บไซต์ Google (ที่ใช้สำหรับค้นหาข้อมูล)แต่ว่าเป็นหน้าของเราเอง(i ก็ฉันไง!) ซึ่งไม่ได้มีไว้เพียงแค่ค้นหาเพียงอย่างเดียว แต่เราสามารถปรับแต่งหน้านั้นอย่างไรก็ได้ แล้วแต่เราพอใจ คือนอกจากที่เราจะสามารถเลือกเนื้อหามาแสดงได้แล้ว รูปร่างหน้าตาของเจ้าเว็บ iGoogle เราก็สามารถปรับแต่งได้ด้วย เช่น เราชอบใช้ภาษาไทย เราก็ให้มันแสดงเป็นภาษาไทยได้ เปลี่ยนธีม(Theme) หรือรูปร่างหน้าตาทั้งเว็บได้ด้วย

นอกจากนั้น iGoogle ยังเปิดให้ใช้ Theme ของ U.S. ได้ และปัจจุบันก็สามารถใช้งานกับภาษาต่างๆ ได้ทั่วโลกถึง 117 ภาษาเลยทีเดียว ซึ่งในการปรับแต่งต่างๆ นั้น เราต้องมีบัญชีของ Google หรือ Gmail ก่อนนะครับ

อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ต้องลองใช้เองแล้วหละครับ ซึ่งสามารถคลิกผ่านลิงค์ในบล็อกนี้ เข้าไปสมัครใช้บริการได้เลยครับ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

เรื่องน่ารู้อื่นๆ เกี่ยวกับ iGoogle (ต่างประเทศ)

Blog อื่นที่เกี่ยวข้อง (ไทย)

IceRocket Tags: ,

30 พฤศจิกายน, 2550

ทำหน้าบ้าน(อีกที่) ให้กับ Blog

วันนี้ขอแนะนำเว็บไซต์ชนิดหนึ่ง เห็นว่าน่าสนใจดี และเราน่าจะนำมันไปใช้ประโยชน์ได้ ขณะเดียวกันก็เป็นของฟรีเสียด้วย (นี่แหละ ของชอบ ..หุ หุ!)

ถ้าคุณเคยเห็นบล็อกของ Yahoo! 360º, iGoogle หรือผวกกลายๆ เช่น MySpace, Facebook, Opera อะไรพวกนั้น น่าจะพอนึกออกว่าเว็บไซต์ที่ผมจะพูดถึงนี้ หน้าตาเป็นเช่นไร

เอาหละ แนะนำเลยหละกันครับ มันชื่อว่า Internet Mosaic เป็นเว็บไซต์ต่างประเทศครับ จากที่ผมเคยลองค้นหาข้อมูลส่วนตัวจาก Google แล้วก็มาเจอที่เว็บนี้ ซึ่งผมเคยไปสมัครไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้ทำอะไร แต่มันก็ดันค้นหาเจอแสดงว่า อือ! เข้าท่าแฮะ ก็เลยเข้าไปจัดการใส่ข้อมูลต่างๆ ลงไปซะ

คุณสมบัติ ความสามารถของมันเป็นเช่นไร ...ดูจากด้านล่างนี้เลยครับ

เป็นที่ที่เราสามารถเอา สิ่งเหล่านี้ไปโปรโมทได้ครับ เช่น

website, blog, myspace page, eBay store, affiliate link, message board, RSS feed หรืออื่นๆ ที่สามารถทำได้

เราสามารถใช้ Internet Mosaic เพื่อโปรโมทตัวเอง โดยผู้ชมจะคลิกผ่านรูปเล็กๆ เข้ามา ซึ่งเจ้ารูปเล็กๆ พวกนี้จะแสดงอยู่ที่หน้าหลักของเว็บไซต์ Internet Mosaic ครับ

เราสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ฟรี โดยเว็บไซต์จะให้เราอัปโหลดรูปภาพแทนตัว(Avatar) ซึ่งเจ้ารูปนี้จะลิงค์ไปยังหน้าหน้าหนึ่ง (เหมือนกับเป็นหน้าบล็อก แบบนั้นหละ) ซึ่งเป็นหน้าเฉพาะของเราที่เราสามารถจัดการได้สารพัด เพื่อใช้ในการโปรโมทสิ่งต่างๆ ข้างต้นได้ ซึ่งเราก็จะได้รับ Traffic จากการที่มีผู้สนใจคลิกผ่านรูป Avatar เข้ามา หรือทางอื่นๆ (เดี๋ยวจะโม้ต่อครับ)

แล้วผู้คนจะหาเราเจอได้จากไหน

  • จากหน้าหลักของเว็บไซต์ ซึ่งเวลาที่ผู้ชมเข้ามาหน้าหลักของเว็บไซต์ รูป Avatar ของเรา ที่เป็นเหมือนกระเบื้องโมเสกชิ้นเล็กๆ จะถูกสุ่มขึ้นมาแสดงให้ผู้สนใจเลือกคลิกได้ รูปของเราก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น
  • จากการใช้คำค้น(keyword) ค้นหาภายในเว็บไซต์ Internet Mosaic เอง แล้วเจอข้อมูลของเรา
  • จากการค้นหาตามหมวดหมู่ของบล็อกที่เราระบุตอนที่ลงทะเบียน
  • จากการค้นหาตามรายการของประเทศ เช่นเราอยู่ประเทศไทย ผู้ชมอาจอยากค้นหาข้อมูลของประเทศไทยที่เค้าสนใจ ก็มีสิทธิ์ที่จะเจอกับข้อมูลของเราได้เช่นกัน
  • ค้นหาเจอจากหน้า Internet Mosaic ของเพื่อนที่ได้แอดลิงค์มาที่หน้า Internet Mosaic ของเรา ซึ่งมันก็เหมือนกับ Social Network แห่งหนึ่งหละครับ (แอดกันไปแอดกันมา ...เหมือนเชือกพันกัน)

สมัครแล้วได้อะไร /ทำอะไรได้บ้าง

  • สามารถเอาเนื้อหาที่เป็นฟีด (Feed) มาลงได้
  • สร้างข้อความต้อนรับได้
  • แอด URL ของเว็บ/บล็อก(ที่อื่นของเรา ที่เราต้องโปรโมท) ลงไปได้
  • สามารถเขียนเนื้อหา Blog สดๆ ลงไปตรงนั้นได้เลย
  • เข้าร่วมและจัดการ conversations ได้
  • แอดรายชื่อบัดดี้(เพื่อนๆ พันธมิตร)ได้
  • สร้างลิงค์ไปบล็อก/ไซต์ต่างๆ ที่เราต้องการได้

ที่พูดมาทั้งหมด เราก็ใช้เจ้า Internet Mosaic ทำเป็นเว็บ/บล็อก หน้าบ้านเสียเลย(อีกที่หนึ่ง) เพื่อนำผู้ชมเข้ามายัง Blog หรือไซต์ที่เราต้องการอีกทีหนึ่ง ...หรือเราอาจจะเอาไปทำ อย่างอื่นได้อีก สุดแล้วแต่จินตนาการหละครับ ...ท่านผู้ชม

ปล. ขอติอยู่นิดหนึ่งก็คือ หน้าตามันออกจะเชยไปสักหน่อย มองดูไม่ทันสมัยเอาซะเลย (ถึงหน้าตาขี้เหร่ แต่ความสามารถนั้นเป็นเลิศ ...ไม่ว่ากันเน๊าะ!)

ไปดูรายระเอียดเพิ่มเติม...

http://internetmosaic.com

IceRocket Tags:

14 พฤศจิกายน, 2550

Slideshow! ...ของแต่ง Blog ชิ้นใหม่ใน Blogger

หลังจากเปลี่ยนเป็น New Blogger มาไม่นาน Blogger ก็คลอดฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาให้เราชาวสาวกได้เลือกใช้กับ Blog กันเรื่อยๆ เรียกว่าเริ่มทยอยๆ ออกมาทีละหน่อยหละครับ
และในครั้งนี้ก็เช่นกัน มาดูกันว่ามันคืออะไร ครับ
แอ่น แอ๊น !!! ดูรูปก่อน
มันก็คือ Sideshow นั่นเองครับ !!

วิธีการเพิ่มก็คล้ายๆ การเพิ่ม Widgets อื่นๆ นั่นเลยครับ เช่น ชื่อสไลด์ จะตั้งว่าอย่างไรดี
ส่วน Source เป็นที่อยู่ของภาพ ที่เราจะเอามาทำ ก็มีให้เลือกหลายที่ด้วยกัน เช่น
  • Picasa Web Albums
  • Flickr
  • Photobucket
  • หรือ อื่นๆ
ซึ่งเจ้าอื่นๆ นี่ ก็จะให้เราใส่ฟีด(Feed) ของ Web Album ที่อื่นๆ ลงไป หนะครับ ตัวเลือกอื่นๆ
ข้อเลือก : คงเป็นหัวเรื่อง หรือหมวดหมู่ของภาพ ให้เลือก
  • คำหลัก หรือ
  • Album
หากเลือก คำหลัก ต้องก็ใส่ชื่อ คำหลักลงไป หากเลือก Album ก็จะมีหมวดหมู่ของ Album ต่างๆ ให้ และจะให้เลือกเปิดหน้าต่างใหม่หรือไม่ ...ถ้าเกิดคลิกที่ภาพ
ส่วนจะนำไปตกแต่งส่วนไหนใน Blog ก็สุดแต่จินตนาการ หละครับ
หน้าตาที่ได้ ..ก็ออกประมาณนี้เลยครับ
ลองใช้กันดู ตามสบายเลยครับ !!
ขอให้สนุกครับ :-)

13 พฤศจิกายน, 2550

โดนจิ๊กเนื้อหาบทความอีกแล้ว! ไปทั้งยวงเลย

จากเมื่อคราก่อน ที่ผมเคยนำมาเล่าให้ฟัง(อ่าน) เรื่องที่ถูกก๊อปปี้บทความนั้น ซึ่งเรื่องก็จบไปแล้ว(ด้วยดี!?) เจ้าของบล็อกเค้าออกมามาขอโทษ และแก้ไขโดยลบเนื้อหาส่วนนั้นออกไป ..ก็คงจบแค่นั้น ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องเอาความอะไรหรอกครับ (ผมก็แค่บล็อกเล็กๆ หนะ!)

มาวันนี้เจออีกแล้ว คัดลอกไปทั้งหน้าเลยครับ ไม่เปลี่ยนแม้แต่ฟอร์แมทของตัวหนังสือ รูปภาพ ไม่ได้ให้เครดิตคนเขียน! ..และที่สำคัญเจอถึง 2 ที่เลยครับ

เนื้อหาที่ผมเขียน จากเรื่องนี้ ครับ

กำจัดซะ...ให้สิ้น! ไวรัสออนไลน์

และที่ไปเจอที่คัดลอกไป จากสเปซ 2 แห่งนี้

คลิกเข้าไปดูได้ครับ ว่าใช่ฤไม่? ..ผมใส่ nofollow เรียบร้อยแล้ว

เจ้าของสเปซก็เป็นถึงนักเรียนนอกหนะ แต่ทำไมมักง่ายเช่นนี้?

เดี๋ยวขอคิดก่อน จะเอาเยี่ยงไรกะ(????)ดี

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

11 พฤศจิกายน, 2550

5 อย่าง ที่ควรทำ ..เวลาหมดมุขเขียน Blog

จะว่าเป็นเรื่องปกติเลยก็ว่าได้ ที่ Blogger มือใหม่หรือมือสมัครเล่น เช่นผม หรือใครๆ มักจะเกิดอาการแบบนี้ ..คิดอะไรไม่ออก(มึนติ๊บ!!) หรือไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาเขียนลง Blog ดี เพราะอะไรๆ ก็เขียนไปหมดแล้ว หรือไม่รู้จะหาข้อมูลอะไรมาเขียนดี พูดง่ายๆ ก็คือ "หมดมุข" หละครับ

อา! มุขหมด ..ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรามีมุขมาเติมให้ มาดูข้อแนะนำดีๆ จากคุณ John Chow ครับ เผื่อจะช่วยขุดมุข ขุดไอเดียดีๆ ของเราให้เปรี๊ยงปร๊างขึ้นมาได้

5 อย่าง ที่ควรทำ เวลานึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรลง Blog ดี

  1. Check the comment
    เมื่อ John Chow ว่างจากการเขียน Blog เขาก็จะไปอ่านคอมเมนต์ใน Blog ของเขา ซึ่งเขาสามารถหาไอเดียที่จะเขียนได้จากคอมเมนต์เหล่านั้น
  2. Check Out Other Blogs in Your Community
    มี Blog อยู่มากกว่า 60 ล้าน Blogs จะต้องมีบ้างหละที่เราจะได้สิ่งดีๆ เป็นไอเดียนำมาเขียนได้ เราสามารถสร้างไอเดียดีๆ จาก Blogs ที่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับหรือคล้ายกับเรื่องที่เราเขียน ..หรือไปดูว่า ผู้ที่เข้ามาคอมเมนต์เรามี Site/Blog อยู่หรือไม่ ถ้ามีเขามีความคิดอะไรดีๆ มั๊ย?? เป็นธรรมดาที่ Bloggers ทุกคนต้องการโพสต์เรื่อง hot ให้เร็วที่สุด มีอะไรบ้างที่เขามองข้ามไปทั้งๆ ที่มีคุณค่า เนื่องจากความรีบร้อนที่จะโพสต์ เราสามารถจับ Topic นั้นมาสร้างรายละเอียดที่สมบูรณ์ได้
  3. Look In Your Archives
    ถ้าเราคิดว่าเนื้อหาที่เราโพสต์ มันครบถ้วนแล้ว จนไม่มีอะไรจะเขียนอีกแล้ว(นึกไม่ออก!) ให้ลองไปดูเนื้อหาเก่าของเรา(Archives) ว่าสามารถนำมา Update และโพสต์ใหม่ได้หรือไม่ หรือเปลี่ยนวันที่โพสก็ได้ (แต่ เอ๊! อันนี้ไม่ขอแนะนำครับ) ผมว่า(ส่วนตัว) พูดถึง อ้างถึงแล้วขยายความต่อน่าจะเวิร์คกว่านะ
  4. Check Your Email
    เวลาที่เราไปอ่าน Blog แล้วเกิดอิน หรือเกิดความรู้สึกร่วม อยากจะแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่อ่านด้วย ส่วนใหญ่เราก็จะทิ้งคอมเมนต์ไว้ บางคนอาจจะทำโดยส่งเป็นอีเมล บางครั้งที่เราบังเอิญเจอคำถามจากผู้อ่านที่เรารู้อยู่แล้วจะตอบอย่างไร ซึ่งแทนที่เราจะตอบกลับเค้าไปเลย แต่(หากตอบกลับไป ..เค้าก็จะรู้อยู่คนเดียว อย่ากระนั้นไหนเลย เอาไปเผื่อแผ่กับคนอื่นด้วยน่าจะดีกว่า) เราก็เอาไปเขียนเป็นเนื้อหาใน Blog เราแทน ซึ่งหากมีอะไรที่เราอยากจะเพิ่มเติมอีก เราก็ขยายความเพิ่มได้
  5. Look At YouTube
    ถ้าทุกอย่างที่ทำมาแล้วล้มเหลว คุณลองเข้าไปที่ YouTube หรือ Site ที่มี Video Sharing (ผวกเว็บไซต์ที่มี Video ให้ดูหรือดาวน์โหลดฟรีนั่นหละครับ) ค้นหาเรื่องที่ชวนให้ขันทั้งหลายแหล่ ประเภท "ขำกลิ้ง ลิงกับแมว" อะไรประมาณนั้น หรือที่สร้างความน่าสนใจ แล้วคุณก็เพิ่มความคิดเห็นของคุณลงไป แล้วก็โพสต์ไว้ใน Blog ของเราซะ (..อิ อิ วิชามารมาก หากินได้!!)

ปล. แถมให้อีกข้อหนึ่ง

  • ไปค้นหาเรื่องจาก"โน๊ต" ที่เราอาจเคยบันทึกไว้ เช่น ปกติผมจะเซฟเรื่องอะไรก็ตามที่น่าสนใจเป็นเท็กซ์ไฟล์ไว้ใน Notepad (เป็นเรื่องๆ)ครับ เพราะจะได้ประหยัดเนื้อที่ เรียกมาใช้ก็สะดวก เช่นเรื่องที่กำลังพูดถึงนี้ เก็บไว้ตั้งแต่ 20 กันยายน 2550 แล้วหละ ..เพิ่งจะมาขุดเจอวันนี้เอง เฮ้อ! รอดตัวไป!!

Source : Five Things To Do When You Have Nothing To Blog About

06 พฤศจิกายน, 2550

To Show Recently Updated Blogs

ใครรู้บ้างว่าทำไม www.blogger.com ถึงไม่แสดงส่วนที่บอกให้รู้ว่า มี Blog ใดบ้างที่เพิ่งอัพเดทล่าสุด (Recently Updated Blogs) แบบขยายให้เห็นรายละเอียดกว้างๆ (หลายๆ บรรทัด)ซักที เช่น Blog host ที่อื่นๆ หรืออย่างของไทย เช่น www.exteen.com

คือ ที่มีอยู่ ก็แสดงอยู่หละครับ แต่ว่าให้พื้นที่น้อยมาก แค่บรรทัดเดียว แถมยังเป็นตัววิ่ง เลื่อนบรรทัดไปเรื่อยๆ เสียด้วยซิ ..แล้วแบบนี้ ใครจะอ่านทันเล่าเน๊อะ

ดูๆ แล้วผมว่า ส่วนที่ไม่ค่อยจะสำคัญ ควรจะตัดออกไปได้แล้ว เช่น ส่วนที่แนะนำ อาจจะยุบเป็นหัวข้อเล็กๆ ก็พอ แล้วไปเพิ่มส่วนที่ผมพูดถึง คือ Blog อัพเดทล่าสุด Blog ที่ฮอทฮิต ..จะให้ดีก็มีให้เลือกเลยว่าจะดูของประเทศไหน ไปเลย

หรืออาจเพิ่มกิจกรรมอื่นๆ ที่ชวนให้น่าสนใจลงไป ..ถ้าทำได้อย่างนี้ ผม(ส่วนตัว)คิดว่า ผู้อ่านที่เป็นนักเขียนบล็อกด้วย Blogger ด้วยกัน จะเข้ามาอ่าน Blog ของเราเพิ่มมากขึ้นอย่างนอน และในขณะเดียวกันก็จะเกิดชุมชุนของผู้ใช้ Blogger ที่เหนียวแน่นมากขึ้นไปอีก

นั่นคือ(ความคิด) สิ่งที่ผมต้องการให้เป็น ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเช่นไร? แต่หาก Blogger ไม่สามารถทำให้ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่เป็นอยู่อาจจะดีอยู่แล้ว ...ไม่เป็นไร เราก็แฮกเองซะเลย (แหะ แหะ พูดเล่น มิกล้า และไม่มีความสามารถขนาดนั้น) ..เราก็หาวิธีแก้ขัดไปก่อน เช่นวิธีที่ผมจะนำเสนอในวันนี้

ถ้าอยากรู้ว่า มี Blog ชาวบ้าน Blog ไหนบ้างใน Blogsopt ที่อัพเดทล่าสุด ก็แค่พิมพ์ URL ต่อไปนี้ : http://www.blogger.com/changes10.g
ลงใน Address bar, Location bar แล้วแคาะ Enter เท่านั้น ก็จะแสดง ชื่อบทความที่อัพเดทล่าสุดให้เราเห็น เหมือนตัวอย่างนี้เลยครับ

มีอีกวิธีหนึ่ง แต่ไม่ขอแนะนำครับ เพราะ ไม่แน่ใจว่าใช้อย่างไร ..เอาหละครับ ลองใช้ดูแล้ว ผลเป็นเช่นไร ก็พิจารณากันเอาเองนะครับ

31 ตุลาคม, 2550

แกล้งโพสต์ ..ฝากภาพ เพื่อเอาxxxไปใช้กับส่วนอื่น

การโพสต์ภาพใน Blogger จำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้ใน Blog Post (ส่วนที่ใช้เขียนเนื้อหาบทความ) เพียงอย่างเดียว? ..สำหรับผม ผมก็จะตอบว่า "ไม่เลย ไม่จำเป็นอ่ะ" (เพราะอย่างไรเสีย ผมก็จะโน้มน้าวเข้าหัวข้อที่พาดหัวไว้ อยู่แล้วแหละ หุ หุ!!) แต่จริงๆ แล้ว มันยังสามารถใช้ทำอะไรอีกก็ได้ ที่พึงประสงค์

ปกติเวลาที่เราเขียนเนื้อหาใน Blog และมีการแทรกภาพด้วย เราก็แทรกตามปกติ และภาพนั้นๆ เราก็ใช้แค่ในส่วน Blog Post ในเนื้อหาที่เขียนเท่านั้น

อือ!! แล้วถ้าเราจะไม่ใช้เฉพาะส่วนนี้หละ? ..และจะเอาไปใช้อย่างไร? ใช้กับส่วนไหนบ้างหละ? มีวิธีการง่ายๆ มาแนะนำ ครับ

  1. เราก็ Login เข้า Blogger ตามปกติ
  2. เข้าไปส่วน + บทความใหม่
  3. เราไม่ต้องเขียนข้อความอะไรทั้งสิ้น ..ตรงปรี่เข้าไป คลิก ไอคอน เพิ่มรูปภาพ เลย(โช๊ะ! เข้าให้)
  4. เพิ่มเสร็จ เราก็ไม่ต้อง Publish (เผยแพร่)ครับ คลิกปุ่ม บันทึกทันที (Save Draft) บันทึกเป็นแบบร่างไว้ก่อน ...กันเหนียว
  5. เสร็จแล้ว ก็สั่งให้แสดงตัวอย่าง ..คลิกปุ่ม แสดงตัวอย่าง (Preview)
  6. คลิกขวาที่ภาพ และเลือกคำสั่ง Copy Image Location, Copy image address หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้อง (เราก็จะได้ URL ของภาพมาแล้ว แบบง่ายๆ ดีมั๊ยย!)
  7. เสร็จแล้ว เราก็เอามาวางไว้ใน Notepad ฝากไว้ก่อน(หากยังไม่ใช้ทันที)

ทีนี้จะเอาไปใช้อย่างไร ใช้กับอะไรหละ? ก็แล้วแต่หละครับว่า จะเอาไปใช้อย่างไร ..เช่น เอาไปทำเป็นภาพ Background ของ Blog เราเอง, Favicon(Icon หน้า URL แบบส่วนตัวของเรา) Avatar picture(ภาพเล็กๆ แทนตัวเรา เช่นใน Blogger) ภาพสำหรับทำส่วนหัวบล็อก (Blog Header) หรือ อะไรก็ได้ ที่เราคิดได้ และคิดออกหละครับ (แต่ว่าตอนนี้ ผมคิดไม่ออกครับ) :-(

ปล. หากเราเลิกใช้ภาพเหล่านั้น เราก็แค่เข้าไปลบ เนื้อหาที่ Save เป็นดราฟท์ไว้ ได้เลยครับ

การบันทึกภาพไว้ในที่เดียวกันกับ Blog จะทำให้การอ่านหน้า Blog ได้ไวขึ้น เพราะไม่ต้องไปอ่านภาพจากโฮสต์ฝากภาพที่ไหนมาแสดง เป็นผลให้การแสดงผลของหน้า Blog เราไวขึ้น (อันนี้คิดเองหนะครับ มิรู้ถูกฤเปล่า)

..ทีนี้เราก็เห็นแล้วว่า มันง่ายมาก นิดเดียว!!! :-)

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

โพสต์หลายๆ ภาพ สู่ Flixya ....ในคลิกเดียว

แต่ก่อน เมื่อคราลองใช้ Flixya ครั้งแรกๆ ...รู้สึกว่ามันช่างยากเย็นซะเหลือเกินในการที่จะแอดภาพหลายๆ ภาพ ในคราเดียวลงในบล็อก Flixya แต่เมื่อได้อ่านบทความนี้ การแอดภาพแบบ multiple ต่อๆ ไป ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ทันที

แรกเริ่ม ผมก็แอดแบบทีละภาพหละครับ ก็สังเกตอยู่น๊ะที่เค้าอธิบายหนะ ว่าในการแอดภาพจะมี 2 Step และใน Step แรก เค้าบอกว่า You can add multiple photos and edit each description, category and tags on the next step. แปลก็คือ เราสามารถแอดภาพแบบ multiple ได้ และแก้ไขคำอธิบาย หมวดหมู่ และ Tag ใน Step ถัดไป ...แต่ดูอย่างไรเค้าก็ไม่เห็นอธิบายว่า จะแอดแบบเลือกหลายๆ ภาพ แล้ว Upload ทีเดียวเลย เนี่ยต้องทำอย่างไร (เข้าไปอ่านใน Help แล้ว ก็ไม่เห็นมีเลย)

เวลานั้นก็เลยต้องแอดทีละภาพ และต้องไล่ใส่รายละเอียด(ชื่อภาพ คำอธิบาย หมวดหมู่ และ Tag) ทุกครั้งเมื่อ Upload เสร็จทีละภาพ ทำให้(หงุดหงิด)เสียเวลามาก ..นึกอยู่ในใจว่าทำไมมันไม่ทำให้ง่ายๆ กว่านี้อะหว่า!

แต่วันนี้ก็รู้แล้วหละ(ด้วยความบังเอิญเช่นเคย) และเอามาแนะนำบอกต่อกัน ..สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบครับ (คนที่ทราบแล้วก็เงียบๆ ไว้ อย่าเพิ่งว่าผม "ไม่อยู่ในรถไฟเลย!" แต่จริง ก็คงใช่หละ หุ หุ)

เอาหละ มาดูกันว่าทำเยี่ยงไร

  1. หลังจาก Login เข้าสู่ Flixya เรียบร้อยแล้ว เราก็คลิกหัวข้อ Upload Photos เพื่อแอดภาพตามปกติ ในหัวข้อ Images เราก็คลิก Browse... เข้าไปเลือกภาพที่ 1 เสร็จ กด Open ออกมาแล้ว ก็จะโชว์รายชื่อไฟล์ขึ้นมา 1 รายการ ดังภาพ
  2. หลังจากนั้น เราอย่าเพิ่งใส่รายละเอียดลงไป ให้คลิก Browse... เพื่อเข้าไปเลือกภาพต่อๆ ไป ตามจำนวนที่เราต้องการ(1 Browse = 1 ภาพ) ดังตัวอย่าง
    เมื่อครบตามจำนวนแล้ว ก็เพิ่มรายละเอียด(ชื่อภาพ คำอธิบาย หมวดหมู่ และ Tag) ให้ครบ
    จะสร้าง Gallery ในชื่อใหม่ก็ได้ ครับ จะได้เก็บเป็นหมวดหมู่หน่อย ..เสร็จแล้ว ก็คลิกปุ่ม UPLOAD ได้เลย
  3. เมื่อ เสร็จแล้ว ก็เข้าสู่ Step ที่ 2 จะให้เราแก้ไข ที่ขาดตกไป หรือที่อยากแก้(รายละเอียด) ..เสร็จแล้ว คลิกปุ่ม Done
  4. เสร็จเรียบร้อย ก็ไปดูผลงานกันเลย

ปล. ในคลิกเดียว ก็คือ คลิก Upload เพียงครั้งเดียวไงครับ สำหรับใคร? ที่ทราบแล้ว ก็ถือว่าเป็นการทบทวนหละกัน ครับ ...วันนี้ แค่นี้ก่อน ไปหละครับ แล้วเจอกันใหม่!!! :-)

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

13 ตุลาคม, 2550

Blog Action Day 2007

วันที่ 15 ตุลาคม 2550 ; อะไรจะเกิดขึ้น...?


อยากรู้มั๊ยครับ? ว่าหากวันจันทร์ ที่ 15 ตุลาคม 2550 ...ที่จะถึงนี้ Blog ทั่วโลกพูดถึงเรื่องเดียวกัน ก็คือ "เรื่องสิ่งแวดล้อม" ครับ สิ่งแวดล้อมของโลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง มาช่วยกันนะครับ ...แม้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันออกมา แต่อย่างน้อยขอให้เราได้ช่วยพูดถึง ช่วยสะกิดให้ตัวเราเอง และผู้คนในโลกนี้ได้เกิดจิตสำนึกที่ดี ในทางที่จะร่วมมือช่วยกันทำให้โลกของเรา มีสิ่งแวดล้อมที่ดี(กว่า) ที่น่าอยู่ น่าอาศัยสำหรับตัวเราเอง ลูกหลานของเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต และผู้คนรอบข้าง ช่วยกันนะครับ
...รีบเข้าไปสมัครกับโครงการที่ดีเช่นนี้นะครับ ที่ Blog Action Day :-)

Technorati Tags:

10 ตุลาคม, 2550

หน้าตาแบบนี้เอง ..กราฟของ Blog เรา

ไปตระเวนดู Blog ของเพื่อนบ้านมา (ของคุณ iake หนะครับ)ไปเจอกราฟโครงสร้างของ Blog ที่เค้าทำมาจากเว็บไซต์หนึ่ง (ตามไปอ่านได้ที่บล็อกคุณ iake และนี่ websitesasgraphs ครับ) เห็นว่าแปลกดี น่าสนใจ ก็เลยเอามาลองทำดูมั่ง
ความหมายของสีต่างๆ? ดังนี้ครับ
blue: for links (the A tag)
red: for tables (TABLE, TR and TD tags)
green: for the DIV tag
violet: for images (the IMG tag)
yellow: for forms (FORM, INPUT, TEXTAREA, SELECT and OPTION tags)
orange: for linebreaks and blockquotes (BR, P, and BLOCKQUOTE tags)
black: the HTML tag, the root node
gray: all other tags

ได้รูปร่างหน้าตา ตามภาพเลยครับ ...รู้สึกว่ากว่ามันจะประมวลผลเสร็จใช้เวลาไปนานเลย(หลายนาที)
และหลังประมวลผลเสร็จแล้ว ก็ยังขยับๆ อยู่นะเนี่ย ดูแล้วชวนให้ลายตาดีนักเชียว
เค้าพยายามจะสื่ออะไร ก็ลองตีความกันเอานะครับ แต่ที่แน่ๆ สีเหลืองไม่มีเลย ซึ่งมันคือ ผวกแบบฟอร์มรับข้อมูล หรือตัวเลือก พื้นที่ที่จะให้กรอกข้อมูลลงไป ของเราเองไม่มีซักที่เลย ..คงจะเป็นเช่นนี้แหละโน๊ะ! หุ หุ

07 ตุลาคม, 2550

อ้างอิงอย่างไร? ให้ถูกใจและถูกต้อง

การอ้างอิง คืออะไร? แล้วทำไมต้องอ้างอิงด้วยหละ! เราคงไม่ต้องอ้างอิงก็ได้ครับ ...หากเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ คือ การที่เราได้ไปเห็น ได้ไปอ่านและรับรู้ Entry(การบันทึก การจดบันทึก) เรื่องใดเรื่องหนึ่ง จากเว็บไซต์หรือบล็อกที่ใดที่หนึ่งของชาวบ้านเค้า แล้วเราเกิดถูกใจ หรืออาจจะแคลงใจ(ตะหงิด ตะหงิด)ก็ได้ แล้วอยากจะเอามาพูดต่อ ขยายความต่อในเรื่องเดียวกันในบล็อกของเรา

<< ความจริงในเรื่องของวิธีการศึกษาในปัจจุบัน ก็คือ สิ่งที่เราเรียนรู้กันอยู่ทุกวันนี้ ความรู้ที่เราได้รับรู้มานั้น เกิดจากการถ่ายทอดต่อกันมาเป็นทอดๆ จากผู้ที่ค้นพบ ผู้คิดค้น ผู้ที่รู้ก่อน ดังนั้นการอ้างอิงในสิ่งที่เรารับรู้มาจากผู้อื่น จึงเป็นเรื่องของมารยาท ที่เราจะต้องให้เกียรติกับผู้ค้นพบความรู้นั้นๆ และอีกอย่าง ยังเป็นการแสดงถึงการเป็นคนที่ยอมรับในกติกาที่ว่า "ถ้าอ้างอิงต้องบอกแหล่งที่มา การบอกถึงแหล่งที่มา เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ทำให้ผู้อ่านสามารถตามไปค้นถึงต้นตอ และดูในรายละเอียดได้ต่อไปได้" >>

แหล่งข้อมูลจาก : วิจัยน่ารู้ และการจัดการความรู้

ทีนี้มาพูดเรื่องการอ้างอิงในบล็อกเราต่อ ..เมื่อใดก็ตามที่เราได้เข้าไปอ่านเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในบล็อก/ไซต์คนอื่น แล้วเกิดอยากจะเอามาพูดหรือขยายความต่อในเรื่องนั้นๆ ด้วย เราก็ต้องให้เครดิต(ให้เกียรติ)เค้าผู้เป็นเจ้าของเรื่อง ตามมารยาทของบล็อกเกอร์ที่ดี

วิธีการดังนี้ ครับ

  1. ทำลิงค์(Link) ไปยังบทความเรื่องนั้น โดยตรงเลยครับ วิธีนี้ทำได้ในขณะที่เรากำลังเขียนบทความอยู่ เราก็ทำลิงค์เชื่อมโยงออกไปตามปกติ เหมือนตัวอย่างข้างบนนี้เลยครับ และการทำลิงค์ไปยัง Entry นั้นๆ ควรจะเป็นลิงค์ของ Entry นั้นโดยตรง หรือที่เรียกกันว่า Permalink(ลิงค์ถาวร) คือเป็นลิงค์ที่ไปยังหน้านั้นๆ จริงๆ ไม่ใช่ไปหน้าแรกของบล็อก
  2. ใช้ Trackbacks อันนี้จะใช้ได้กับบล็อกที่สนับสนุน Trackbacks นะครับ ของ Blogger เองยังไม่สนับสนุนเลยครับ (อือ ..เศร้า!) แต่มีวิธีอื่น ใช้ทดแทนกันได้ ..เดี๋ยวจะพูดต่อทีหลังครับ
    แล้วเจ้า Trackbacks เนี่ย มันคืออะไร? อย่าเพิ่งงงครับ มันคือ "เป็นโมดูล แสดงส่วนอ้างอิง" ครับ เช่น กรณีที่มี Entry หรือเนื้อหาของบล็อกอื่น อ้างอิงถึงเนื้อหาของเรา เจ้าของบล็อกจะสามารถทราบได้ว่า มีผู้เขียนบล็อกคนใดได้นำ Entry ของเราไปอ้างอิงที่ใดบ้าง โดยดูได้จากส่วน Trackbacks ตรงนี้แหละครับ
  3. ใช้ Blog it ใน Windows Live Space จะมีเมนูพิเศษแบบนี้อยู่ เพื่อใช้ในเวลาที่เราจะพูดถึงบล็อกที่เราเอาเนื้อหาเค้ามาขยายความต่อ ขณะที่เราอ่านเนื้อหาเรื่องนั้นอยู่ เราก็คลิกที่แถบ Blog it ได้เลยครับ ..แล้วหน้าจอก็จะโหลดมายังโหมดแก้ไขในสเปซของเรา โดยมีการตั้งชื่อเรื่องให้ และสร้างลิงค์(ให้เครดิต)ไปยังบทความต้นฉบับให้เรียบร้อย (ถ้าเป็น Msn space รุ่นก่อนหน้านั้น จะมาทั้งเนื้อหาทั้ง Entry ทุกอย่าง เลยหละ)

เพิ่มเติม...

วิธีเก็บ Permalink หรือลิงค์ถาวร ทำง่ายๆ ดังนี้

  1. คลิกขวา ตรงชื่อบทความ ..จะมีเมนูฉลาดเปิดขึ้นมา
  2. เลื่อนเมาส์ลงมา คลิกที่ Copy Link Location (ใน Firefox) ใน IE6 ทำขั้นตอนเดียวกัน แต่คลิกที่ Copy shortcut หรือจะคลิกที่ ชื่อบทความ เลยก็ได้ครับ และใน Opera คลิกที่ Copy link address ครับ
  3. ทีนี้เราก็จะได้ลิงค์ถาวรของ Entry นั้นจริงๆ เลย และเอาไป Paste ลงในลิงค์ที่เราจะเชื่อมโยงไปได้เลยครับ

Trackbacks ของ Blogger ยังไม่มีให้ใช้ ..เราก็ใช้คำสั่งอื่นแทนได้ ดังนี้ครับ

  1. ท้าย Entry ของทุกบทความจะมีส่วนที่ชื่อว่า Links to this post หรือ ลิงก์ไปยังบทความนี้ ให้คลิกตรงนั้นได้เลยครับ
  2. เสร็จแล้วจะเปิดหน้าใหม่ ในโหมดแก้ไขบทความ พร้อมมีลิงค์สำหรับโยงไปยังบทความต้นฉบับให้เรียบร้อย โดยลักษณะการทำงานจะคล้ายๆ กับ Blog it ใน Windows Live Space เลยครับ

สรุป

หากเราทำถึงขนาดนี้แล้ว เค้าคงไม่มาว่าเราแล้วนะครับว่า เราไปคัดลอกเนื้อหาเค้ามา ก็อุตส่าห์ให้เกียรติ ให้เครดิตไปแล้วขนาดนั้น ..แล้วเค้า(เจ้าของ Entry ต้นฉบับ)จะไม่ถูกใจเลยสักนิดเลยหรือกระไร ? คงเป็นไปไม่ได้หละมั๊ง! ใช่ไหมครับ??

02 ตุลาคม, 2550

มือใหม่ ..จะเริ่มต้นทำ Blog อย่างไรดี

How to Start Your Basic Blog
สำหรับนักอ่าน Blog ผู้ที่กำลังสนใจการเขียน Blog และกำลังคิดจะกลายมาเป็นนักเขียน Blog ในอนาคตอันใกล้นี้ เนื้อหาในบทความนี้อาจจะช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจและทำ Blog ในเบื้องต้นได้
มาเริ่มกันเลยครับ …
1. ตัดสินใจให้ได้ว่า เราจะเขียน Blog เกี่ยวกับเรื่องอะไร ซึ่งบล็อกที่ดี จะเขียนโฟกัสในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ อย่างชัดเจน เราอาจจะเขียนนอกเรื่องได้ในบางครั้ง แต่ผู้อ่านบล็อกของเราเขาก็ต้องการที่จะรู้ว่าบล็อกเราเป็นประเภทไหนกันแน่ เมื่อเขาเข้ามาอ่านเนื้อหาในบล็อกของเรา ...มี Blog ประเภทต่างๆ จำนวนมาก นี่คือตัวอย่างบางส่วน (Blog ต่างประเทศ ครับ)


เมื่อดูตัวอย่างแล้ว เกิดแรงบันดาลใจ แล้วทีนี้เราก็ไปเลือก Blog Host ที่เราสนใจ แล้วก็สมัครใช้บริการทำ Blogได้เลยครับ ...อย่ามัวรีรอ
2. ให้สัญญากับตัวเอง ว่าจะเขียน Blog ให้ได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นอย่างน้อย ยิ่งเราโพสต์เนื้อหาบ่อย ผู้อ่านที่เข้ามาอ่าน Blog เราบ่อยๆ ก็จะมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าเค้าเข้ามาแล้ว เห็นมีเนื้อหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกครั้ง เค้าก็จะยิ่งเข้ามาอ่านบ่อยๆ แต่ตรงข้ามกันหากเข้ามาแล้ว เห็นแต่เรื่องเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ...เค้าก็คงไม่อยากจะเข้ามาอีกเป็นแน่แท้ (เรื่องนี้ผมก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ โดยเฉพาะกับ Blog ของตัวเองเวลาที่ไม่ได้อัพเดทนานๆ ...รู้สึกเกรงใจผู้อ่านจริงๆ!!)
3. ลงทะเบียนเช่า Blog Hosting ถ้าเราคิดว่าจำเป็น แต่สำหรับผม ชอบง่ายๆ และก็ฟรี ครับ บางคนอาจจะบอกว่าอยากได้ที่มันเจ๋งๆ กว่านี้ ก็อาจเลือก Account อื่น เช่น Typepad, Movable Type ซึ่งอาจได้ฟีเจอร์ที่มากกว่า แต่ก็ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายที่จ่ายไป ครับ
4. ให้ผู้อ่านสามารถคอมเมนต์ได้ และทำให้หน้า Blog ถูกค้นพบจาก Search engines ได้ง่ายขึ้น ถ้าเราใช้ Blogger มีตัวเลือก 2 แห่ง ที่เราจะปรับแต่ง : คือ

I. ในหัวข้อ เก็บเข้าคลังบทความ : คลิก “ใช่” เพื่อ เปิดใช้หน้าบทความ (เหตุผลก็คือ หน้าบทความจะมีหน้าเฉพาะของตัวเอง สำหรับแต่ละบทความ นอกเหนือจากที่ปรากฏในหน้าแรกในบล็อกของเรา) ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านค้นหาเนื้อหาที่เราโพสต์ได้ง่ายขึ้น เมื่อเขาเจาะจงค้นหาเป็นเรื่องๆไป
ในหัวข้อ ข้อคิดเห็น : คลิก “ท่านใดก็ได้” เพื่อให้ใครก็ได้สามารถแสดงความคิดเห็นได้ หากเราต้องการที่จะกระตุ้นให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่เราโพสต์ ในหัวข้อ เปิดใช้การดูแลความคิดเห็นหรือไม่ ให้เลือก “ใช่” เพื่อแสดงคำ ตรวจสอบการเป็นมนุษย์(Word Verification) เพื่อป้องกันspammers หรือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ (Robot) จากการคอมเมนต์ ใน Blog เรา

 
II. ในหัวข้อ ฟีดของไซต์ ให้เลือก แบบเต็ม เพื่อจัดส่งเนื้อหาของบทความแบบเต็ม เลือก แบบสั้น ถ้าคุณต้องการจัดส่งเนื้อหาเฉพาะย่อหน้าแรก หรือประมาณ 255 ตัวอักษร ให้ผู้อ่านสามารถรับฟีดบทความของเราจากที่ต่างๆ ได้


5. อนุญาตให้ผู้อ่านได้ลงชื่อ บอกรับเป็นสมาชิก เพื่อรับบทความทางอีเมล์ (เราอาจจะวางไว้ด้านซ้ายมือ หรือขวามือ ด้านบน มุมใดมุมหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ ใน Blog ของเรา) ซึ่งเราอาจจะเขียนว่า "Enter your email to subscribe" ... กรอก อี-เมล์ ของคุณที่นี่ เพื่อรับบทความเยี่ยมๆ (อันนี้พูดเอง) อัตโนมัติ ฟรีจากเรา
ซึ่งวิธีการนั้น เราอาจจะไปสมัครจากผู้ให้บริการ (Subscribe) รายใดก็ได้ เช่น Feedblitz (เจ้านี้ ฟรี นะครับ) เมื่อสมัครเรียบร้อย เราก็จะได้ Code (อาจเป็น HTML หรืออะไรก็ตาม) มาอันหนึ่ง แล้วเอามาวางตรงมุมใดมุมหนึ่งใน Blog ของเรา
6. แสดงรายชื่อ Blog ที่เราชอบ หรือที่เราเข้าไปดูบ่อยๆ (ซึ่งเราอาจจะวางไว้ใน Sidebar ด้านซ้ายหรือด้านขวาก็แล้วแต่ชอบ ครับ) ซึ่งส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของการเขียน Blog ก็คือ การที่เราเชื่อมโยงผู้อ่านของเรา ด้วย Blog อื่นๆ ซึ่งเขาอาจจะสนใจ และในขณะเดียวกัน เราก็หวังว่า Blogger คนอื่นๆ จะติดต่อกับผู้อ่านของเขา โดยเชื่อมโยงมายัง Blog ของเราเช่นเดียวกัน
วิธีการนั้น หากเราใช้ Blogger ให้ทำตามขั้นตอน ดังนี้

  1. ล็อกอินเข้าสู่ บัญชี Blogger ของเรา
  2. ในหน้า Dashboard (แผงควบคุม) ให้คลิกหัวข้อ รูปแบบ
  3. คลิก เมนู เพิ่มองค์ประกอบของหน้า
  4. หน้าต่าง เพิ่มองค์ประกอบของหน้าใหม่จะเปิดขึ้นมา ในหัวข้อ รายชื่อลิงค์
  5. คลิก เพิ่มในบล็อก
  6. หน้าต่าง ตั้งค่ารายชื่อลิงค์ จะเปิดขึ้นมา
  7. ตรงหัวข้อ หัวข้อ(1) ให้ ตั้งชื่อว่า My Favorite Blog, Blog Roll, Blog เพื่อนบ้าน หรืออะไรก็ได้ แล้วแต่ชอบ ครับ
  8. ใส่จำนวนลิงค์ ที่จะให้แสดง ใน จำนวนลิงค์ที่จะแสดงในรายการ (2) ...เว้นว่าง จะแสดงทั้งหมด
  9. เลือก การเรียงลำดับ (3)
  10. ใส่ URL ของ Blog ที่เราจะลิงค์ไป ใน URL ของไซต์ใหม่ (4)
  11. ใส่ชื่อ Blog ที่เราจะลิงค์ไป ใน ชื่อเว็บไซต์ใหม่ (5)
  12. คลิก บันทึกการเปลี่ยนแปลง
  13. เสร็จแล้วจะกลับมาที่หน้า เทมเพลต จะเห็นป้ายชื่อ???? ที่เราตั้ง ปรากฏขึ้น ให้
  14. ใช้เมาส์ ลากไปไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ เป็นอันเรียบร้อย
ในการเพิ่มลิงค์นี้ เราสามารถเพิ่มได้เท่าไรก็ได้ เท่าที่เราต้องการ แต่อย่าให้มากไปจนมองดูแล้วเวียนหัว ตาลายหละกัน ครับ
7. ติดตั้งตัวนับสถิติผู้เยี่ยมชม (Stat Counter) เราอาจต้องการเห็นว่ามีผู้เข้ามาอ่าน Blog ของเรามากน้อยเท่าไหร่ และพวกเขามาจากที่ใดบ้าง (Site/Blog ใดที่ลิงค์มา) ซึ่งเราอาจจะขอบคุณเค้าทีหลัง ที่ได้แนะนำ และทำลิงค์มายัง Blog เรา มี Free counter sites จำนวนมากที่ให้บริการให้เรา เอาตัวนับสถิติมาติด และนี่คือตัวอย่าง ที่เราสามารถสมัครใช้บริการได้ ครับ
http://www.statcounter.com/
http://www.sitemeter.com
http://www.google.com/analytics/
วิธีการนั้น ง่ายๆ แค่เราเข้าไปลงทะเบียนสมัครใช้บริการ และเมื่อสำเร็จก็จะได้ Code มา เสร็จแล้วก๊อปปี้มาวางใน Blog ของเราในส่วน เทมเพลต หัวข้อ เพิ่มองค์ประกอบของหน้า ...เลือกวางได้ในตำแหน่งที่เหมาะสม
8. เมื่อเริ่มต้นเขียนเนื้อหาบทความ ให้แน่ใจว่าในบทความของเราจะมีลิงค์(ที่คลิกได้)ที่เชื่อมโยงไปยังไซต์/บล็อกอื่นรวมอยู่ด้วย วิธีทำลิงค์ใน Blogger นั้นทำได้ง่ายๆ ดังนี้
  • ทำไฮไลท์ข้อความที่เราต้องการจะทำลิงค์ออกไป จากนั้น
  • คลิกไอคอนที่คล้ายๆลูกโลก+โซ่ ที่อยู่ส่วนบนของแถบเครื่องมือ Post Editor (เขียนเนื้อหา) ของ Blogger
  • พิมพ์ URL ของไซต์/บล็อกที่เราต้องการจะทำลิงค์ไป แล้วคลิก OK
ถ้าเราต้องการจะเพิ่มรูป ลงในเนื้อหาด้วย
  • ก็คลิกที่ไอคอนชื่อว่า เพิ่มรูปภาพ
  • คลิก Browse เพื่อค้นหารูปจากคอมพิวเตอร์ของเรา เลือกรูป หรือจะเพิ่มจาก ไซต์/บล็อกอื่นก็ได้ โดยกรอก URL ของรูปภาพนั้นในช่อง เพิ่มรูปภาพอื่น URL [……………]
  • เสร็จแล้วกำหนดขนาดของรูปที่จะให้แสดงใน Blog มี 3 ขนาดให้เลือก คือ เล็ก กลาง และใหญ่
  • จากนั้นเลือก จะให้จัดภาพไว้ส่วนใดของหน้า คือ ชิดซ้าย กลาง ชิดขวา หรือไม่มี
  • เสร็จแล้ว คลิก อัพโหลดรูปภาพ …เป็นอันเสร็จ ครับ
9. เพิ่ม Tag ให้กับเรื่องที่เราเขียน ในส่วนท้ายของเนื้อหา การเพิ่ม Tag จะทำให้ผู้คนสามารถค้นหาเรื่องที่เราเขียนได้ง่ายขึ้นจาก Blog Search Engines เช่น Technorati ตัวอย่างเช่น ในตอนท้ายของบทความนี้ เราจะเห็นคำ ข้อความ สั้นๆ ซึ่งเราสามารถคลิกเข้าไปได้ และจะพบกับเนื้อหาเรื่องเดียวกันจาก Blog อื่นๆ ใน Technorati ที่ใช้ Tag คำเดียวกันกับของเรา
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเรื่องการเพิ่ม Tag ได้ที่ คำอธิบายเกี่ยวกับการเพิ่ม Tag
10. ทีนี้ก็ทำให้ Blog Search Engines ต่างๆ รับรู้ว่าเราได้อัพเดทเนื้อหาใหม่แล้ว อีกครั้ง ซึ่งมี Blog/Site ต่างๆ ที่ให้บริการเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น Ping-O-Matic Technorati Pingoat
วิธีการนั้น เราก็เข้าไปลงทะเบียนลงชื่อ Blog ของเรา ทีนี้เวลาที่เราเขียนเนื้อหาเรื่องใหม่และโพสต์เรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าไปที่ Blog ที่ให้บริการที่เราได้ลงทะเบียนไว้ และสั่งให้มัน Ping ไปที่ Blog Search Engines ต่างๆ ด้วย ...ขอบคุณมาก
11. เข้าไปอ่าน Blog อื่นๆ ของชาวบ้านบ้าง เช่นเราอาจจะไปสมัครกับ Bloglines ซึ่งเราก็จะเห็นว่า Blogger คนอื่นๆ เค้าพูดถึงเรื่องอะไร ต่างๆ สารพัดใน “Blogosphere” ทำให้เราได้รับรู้เรื่องต่างๆ ใหม่ๆ เป็นข้อมูลที่อาจจะนำมาเขียนใน Blog ของเราในเรื่องต่อๆไป ก็ได้
12. สุดท้าย ก็ “มีความสุขกับการเขียนบล็อก” ทุกๆ คน ครับ
หากอ่านมาตั้งแต่ต้น จนจบ เนื้อหามันช่างมากมาย ชวนให้งวยงงนัก ..ก็ขอสรุปย่อๆ สั้นๆ ดังนี้ครับ
  1. เลือก Blog Host ที่จะสมัครลงทะเบียนทำ Blog เจ้าไหนก็ได้ที่เราพอใจ
  2. และลงมือเขียนเนื้อหา บทความลงไป
  3. ปรับแต่งให้เป็นที่พอใจ
  4. เผยแพร่ บอกต่อ ให้ชาวโลกได้รับรู้ ว่าเรามีตัวตนอยู่จริง
แค่นี้ คงจะเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นทำ Blog ของนักเขียน Blog มือใหม่ที่กำลังสนใจที่จะเขียน Blog ขึ้นมาซักที่หนึ่ง และที่อื่นๆ อีกต่อไป
Source: How to Start Your Basic Blog.
43 Things Tags: มือใหม่ เริ่มต้นทำ Blog

24 กันยายน, 2550

Add Recent Comments ..ง่ายๆ ใน Blogger

มีทิปเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการให้แสดงคอมเมนต์ล่าสุด(Recent Comments) ใน Blogger มาฝากครับ วิธีการนี้อาศัยคุณสมบัติของ Feed ใน Blogger เอง มาประยุกต์ใช้ ..ซึ่งเป็นวิธีที่น่าจะง่ายที่สุด เพราะไม่ต้องไปเขียนโค๊ด เพิ่ม JavaScript ให้ยุ่งยาก

มาดูวิธีการกันครับ :

  1. ในหน้า Dashboard คลิก Layout
  2. จากนั้น คลิก «Add page element»
  3. เลือก «Add feed»
  4. พิมพ์ Feed comment ของ Blog เรา เช่น http://yoyo123.blogspot.com/feeds/comments/default
  5. ตั้งชื่อ ในส่วน Title [ ] เช่น คอมเมนต์ล่าสุด, Recent Comments
  6. เลือก จำนวน comments ที่เราต้องการให้แสดง (สูงสุด= 5 ครับ)
  7. เลือก [ ] Item dates ให้แสดงวันที่ คอมเมนต์
  8. เลือก [ ] Item sources/authors ให้แสดงชื่อผู้ที่คอมเมนต์
  9. คลิก SAVE CHANGES
เป็นอันเสร็จ ครับ แค่นี้เราก็มี Recent Comments ไว้แสดงใน Blog ของเราแล้วหละครับ ..ง่ายๆ (ตามเคย) :-)
แหล่งข้อมูล : http://groups.google.com/group/blogger-help-howdoi

20 กันยายน, 2550

Add Bookmark ง่ายๆ ใน Firefox แค่ลาก ..แล้ววาง

Tip นี้เกิดจากความบังเอิญครับ ที่วันนี้แฟน Firefox และผู้เริ่มเรียนรู้เช่นผม ไปเจอคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมกระเทียมดอง อีกอย่างหนึ่งของ Firefox Browser (ปกติเค้าก็มีอะไรหลายๆ อย่าง ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วสำหรับ Browser เจ้านี้) มาดูกันว่าคุณสมบัติที่ว่านี้คืออะไร ...???

จากการใช้งาน ที่ไม่ได้ศึกษาคู่มือ(ตามแบบฉบับของนิสัยคนไทย(บางคน..อิ อิ) เอ คิดไปเองฤเปล่า?) ผมสังเกตเห็นว่าเวลาเราเลื่อนเมาส์ไปที่ ไอคอน หน้า URL ใน Location Bar (ใน IE เรียกว่า Address Bar ครับ) เจ้าตัวชี้เมาส์มันจะเปลี่ยนร่างเป็นรูปมือขยุ้ม (หรือมือที่กำลังเกาะ จับอะไรซักอย่าง พร้อมที่จะลาก) และมีข้อความภาษาอังกฤษ โชว์อยู่ใต้รูปมือขยุ้มอันนั้นด้วยว่า Drag and drop this icon to create a link to this page ..แปลได้ใจความว่า "ลากไอคอนนี้ แล้ววางเพื่อสร้างลิงค์ไปยังหน้านี้" เอ๊ ว่าแต่วางตรงไหนหละ? ก็ลองๆมั่วดู เดาเอาว่าต้องเป็นตรงนี้ Bookmarks แน่ ..ลองทำตามวิธีการนี้ดีกว่า ครับ

  1. เลื่อนเม้าส์ไปตรงไอคอนหน้า URL ของเว็บไซต์/บล็อก ที่เราชมอยู่และต้องการที่จะทำ Bookmark เก็บที่อยู่ไว้ ในตัวอย่างนี้เป็นเว็บไซต์ www.blogger.com ครับ
  2. เมื่อตัวชี้เม้าส์เปลี่ยนเป็นรูปมือขยุ้มแล้ว ..ให้คลิกเม้าส์ค้างไว้ แล้วลากไปที่เมนู Bookmarks
  3. Drop down menu ของ Bookmark ก็จะเปิดขึ้นมา เราก็ลากไปวางในโฟลเดอร์ที่เราสร้างไว้แล้ว หรือข้างนอกนั้นเลยก็ได้ แล้วแต่ความต้องการครับ ดังรูป...
  4. เสร็จแล้ว ก็จะได้ตามรูปนี้เลย ครับ

อือ จะเห็นว่า ..มันง่ายนิดเดียวจริงๆ ลองทำดูและเอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์นะครับ "ความรู้ เกิดจากความบังเอิญ" เหอะ เหอะ! ..ถือว่าเป็นการ เรียนรู้จากการใช้งาน หละครับ แล้วหากบังเอิญเจอเทคนิคอะไรดีๆ ผมจะนำมาลง Blog นี้ทันที วันนี้(คืนนี้ซิ) ลาหละครับ "Good night" ..อ๊า! ง่วงนอน |-(

19 กันยายน, 2550

แต่ง Blog สวย ..ด้วยนาฬิกาสุดเท่!

วันนี้ มีของเล่น (ที่ใช้ได้จริงๆ และฟรีด้วย) เข้าท่าๆ มาฝากครับ เป็นนาฬิกาสวยๆ เก๋ๆ และเท่ๆ ใช้สำหรับตกแต่ง Blog ให้ผู้เยี่ยมชม เราจะได้ไม่ต้องละทิ้งสายตาไปจาก Blog เรา(เวลาจะดูเวลาขึ้นมา) ไงครับ ทั้งดูดี และใช้ประโยชน์ได้ เช่นนี้ จะไม่ลองเอาติด Blog ของเราบ้างเหรอครับ

เข้าสู่เว็บไซต์ โดยพิมพ์ URL : http://www.clocklink.com ที่ Address Bar หรือจะคลิกจากลิงค์ตรงนี้ก็ได้ ครับ ...เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์แล้ว หน้าตาก็จะเป็นแบบนี้ครับ


จะมีนาฬิกาแบบใหม่ล่าสุด แสดงให้เราดูเป็นตัวอย่างอยู่ด้านล่าง Newest Clock ครับ ก่อนอื่นเข้าไปดูหน้าตานาฬิกา แบบต่างๆ ก่อน

1. คลิกที่แท็ป Gallery ครับ

เมื่อคลิกเข้าไปแล้ว ที่เราเห็นนั่นคือ แบบใหม่ล่าสุด ครับ และก็มีแบบอื่นๆ อีก ทั้งแบบ อนาล็อก(แบบเข็ม) และดิจิตอล(แบบตัวเลข) ตามรายชื่อต่อไปนี้ ...เลือกคลิกดูได้ครับ (ไม่เอา ไม่ว่า ไม่คิดตังค์)

  • Newest Analog
  • Animal
  • Animation
  • Count Down & Up
  • Dark Backgrounds
  • Digital
  • Holidays
  • Logo & Custom
  • Seasons
  • Sports

นี่เป็นรูป ตัวอย่างนาฬิกา แบบต่างๆ ที่มีให้เราเลือกครับ ...มีมากมายหลายแบบ เลือกดูได้ตามใจชอบ (นาฬิกาเคาน์ดาวน์ โอลิมปิกที่ปักกิ่ง ก็มีครับ)

2. จากนั้น เมื่อเลือกรูปแบบที่ต้องการได้แล้ว คลิกที่ View HTML tag
จะเปิดหน้าต่าง เงื่อนไขการใช้งาน (อ่านซัก 1 นาที) ..และคลิกปุ่ม Accept เพื่อยอมรับ

3.จากนั้นจะเปิดหน้าต่าง ClockLink HTML Tag Generator ให้เราคลิกเลือก Timezone: เลือก ICT: Bangkok Time(GMT +07:00) จากนั้น...
4. เอาเมาส์คลิก ภายในพื้นที่แสดงโค๊ด แล้วกดปุ่ม Ctrl+A เพื่อเลือกโค๊ด และกดปุ่ม Ctrl+C เพื่อคัดลอก (เค้าบอกว่า ถ้าโค๊ดอันบนไม่เวิร์ค ให้เลือกอันล่างแทน ครับ)
5.เมื่อได้โค๊ดมาแล้ว ให้นำไปวางในโปรแกรม Notepad ก่อน กันเหนียว (หรือ ไม่ต้องก็ได้)
6. จากนั้น Login เข้า Blogger หรือ Blog ที่เราสมัครใช้บริการ

7. เมื่อ Login เข้ามาในหน้า Dashboard แล้ว ...คลิกที่ Layout(รูปแบบ) ใน Blog ของเรา

8. คลิกที่ เมนู Add a Page Element (เพิ่มองค์ประกอบของหน้า)

ในหัวข้อ HTML/JavaScript (HTML/จาวาสคริปต์) คลิก
Add To Blog (เพิ่มในบล็อก)
9. หน้าต่าง Configure HTML/JavaScript (ตั้งค่า HTML/JavaScript) จะเปิดขึ้นมา วางโค๊ดที่เราคัดลอกมาลงไปในช่อง Content (เนื้อหา) และคลิกที่ปุ่ม SAVE CHANGES (บันทึกการเปลี่ยนแปลง) ครับ

10. เมื่อเสร็จแล้ว จะกลับมาหน้า Template (เทมเพลต) เดิม
ลองดูตัวอย่างว่า นาฬิกา ที่เราเพิ่มลงไปจะ เข้าท่า สวย เท่ เก๋ระเบิดขนาดไหน คลิก Preview (ดูตัวอย่าง)ครับ


ก็จะได้ประมาณรูปนี้เลยครับ

ปล. บางท่านอาจทราบ และใช้อยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไรครับ ..แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำ ไม่เคยลอง น่าจะเป็นประโยชน์มิมากก็น้อยหนะครับ

18 กันยายน, 2550

กำจัดซะ...ให้สิ้น! ไวรัสออนไลน์

ปกติเราใช้คอมพิวเตอร์ ก็มักจะเจอกับปัญหาสารพัด ไม่ว่าจะมาจากตัวเครื่องเอง ฤว่าจากตัวโปรแกรมที่เราใช้อยู่ มักจะมีเรื่องมาให้เราปวดหัวเล่นอยู่เสมอ ...ยัง ยังไม่หมดแค่นั้น ยังมีอีกเรื่อง ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน

...นั่นคือ ไวรัสเจ้ากรรม นั่นเองครับ ใช้เครื่องร่วมกัน ใช้อุปกรณ์บันทึกข้อมูลร่วมกัน ก็ไม่ได้ เสี่ยงดีนักแล นั่นคือสมัยก่อน ครับ ..แต่สมัยนี้หละ เจ้าไวรัส วายร้ายก็พัฒนาตัวเองตามยุคสมัยด้วย ณ เวลาปัจจุบันนี้ เจ้าไวรัสสามารถส่งตัวเองผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์ (Instant messaging ; IM) เพื่อแพร่ขยายตัวเองไปยังคู่สนทนาที่กำลังสนทนากันอยู่ได้ด้วย

เพิ่งเจอกับตัวเองมาหมาดๆ เมื่อวันที่ 11/09/50 นี้เอง ขณะที่กำลังใช้โปรแกรม Windows Live Messenger (ก่อนหน้านี้ ชื่อ MSN Messenger ครับ) คุยกับเพื่อนอยู่ ก็มีข้อความส่งมาบอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ๆ หนึ่ง ซึ่งผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ ครับ รู้สึกว่าจะชื่อไฟล์ ขึ้นต้นด้วย jpg50??.zip อะไรซักอย่างเนี่ยแหละ (ขออภัยด้วย)พอดีไม่ได้จดไว้ครับ ..พอเค้าส่งมาปุ๊บ ผมก็คลิก ปั๊บโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ครับ แต่...เตชะบุญ ดาวน์โหลดไม่สำเร็จ ครับ ลองหลายครั้งแล้วหละ เฟ๊ลทุกที (โชคดีไป) ตอนหลังมาถามเพื่อนว่าได้ส่งอะไรมามั่ง? เค้าก็บอกว่า ไม่ได้ส่งอะไรเลย! และก็บอกว่าดีแล้วที่ไม่คลิก จริงๆ เราคลิกไปแล้ว ตั้งหลายรอบหละ แต่มันดันไม่สำเร็จเอง ...เออ ช่วยไม่ได้เน๊าะ เจ้าไวรัสตัวนี้มันไม่มีวาสนาจะได้แอ้มเครื่องผม เหอะ เหอะ!! (ดีใจไปเเฮ๊อะ !!)

พอดีวันนี้มาเจอบทความหนึ่งในนิตยสาร Computer.Today ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี ก็เลยเอามาฝากให้อ่านกัน ...ไปดูกันต่อครับ ว่าเป็นอย่างไร

เจ้าไวรัสตัวนี้มี 2 สายพันธุ์ คือ

  1. W32.MSN.Worm และ
  2. IM-Worm.Win32.Agent.f

IM-Worm.Win32.Agent.f
จะส่งข้อความพร้อมให้คลิกดาวน์โหลดไฟล์ image.zip หากเราดาวน์โหลดมาแล้ว มันจะไปสร้างไฟล์ winlog32.exe ในโฟลเดอร์ Windows และหยุดการทำงานของเซอร์วิส Security Center และ winvnc4 ซึ่งจะทำให้ความปลอดภัยของวินโดวส์ลดลง ...ส่วนเจ้า

W32.MSN.Worm
เป็นไวรัส MSN อีกตัวที่มีการทำงานคล้ายกัน แต่จะส่งไฟล์ในชื่อ Pic.zip และสร้างไฟล์ชื่อ msnmsg.exe ในโฟลเดอร์ Windows ครับ

การทำงานของเจ้าไวรัส
เมื่อติดไวรัส MSN แล้ว มันจะทำการปิดระบบรักษาความปลอดภัยในวินโดวส์ และทำการคัดลอกตัวเอง ส่งต่อไปยังเพื่อนๆ ที่มีรายชื่ออยู่ใน Windows Live Messenger ของเราทั้งหมด

วิธีแก้ก็ง่ายๆ ครับ (เค้าว่างั้น)
หากติดไวร้สให้ไปดาวน์โหลดโปรแกรมแก้ไวรัส MSN จากเว็บไซต์ http://www.thaicert.org/advisory/alert/msnworm/MSN_Worm_Remover.exe ของ ThaiCert และ http://www.nod32th.com/component/option,com_docman/task,cat_view/gid,67/ltemid,290/lang,th ของ NOD32 ครับ

เมื่อได้ไฟล์มาแล้ว ก็ให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์แก้ไวรัส เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ (แต่ ผมยังไม่ได้ลองน๊ะครับ เพราะเครื่องผมยังไม่ติด ..เหะ เหะ!)

ปล. จากบทความนี้ สอนให้ผมรู้ว่า "อย่าใจง่าย อย่าใจอ่อน รับไฟล์ที่เราไม่แน่ใจ ไม่รู้เหตุผลในการส่ง" ให้ถามเพื่อนก่อนเป็นการดี ...ให้หัดเป็นคนขี้สงสัยไว้ก่อน แต่ถ้าเพื่อนไม่ตอบ ก็เดาไว้เลย อาจเป็นเจ้าไวรัสตัวนี้ ครับ

Source : Computer.Today ISSUE 316 AUG 2007

Technorati Tags: ,

17 กันยายน, 2550

ไม่อยากจะเชื่อ! ..ถูกคัดลอกเนื้อหา Blog

ไม่น่าเชื่อ! ว่าเหตุการณ์แบบนี้ จะเกิดกับ Blog เล็กๆ เช่นบล็อกผม

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ...

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2550 ที่ผ่านมา ผมได้เข้า Blog ของเพื่อนจาก www.zickr.com แล้วบังเอิญสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็น เจ้า Trackback อันหนึ่งในบล็อกนั้น ...เห็นน่าสนใจดี(เพราะเป็นเรื่องที่เราสนใจพอดี) ก็เลยคลิกเข้าไปดู โอ๊ะ โอ๋! ไม่อยากจะเชื่อ เนื้อหาเดียวกับเรื่องที่เรากำลังอ่านในบล็อกนั้นพอดี ก็อ่าน อ่าน อ่านไปเรื่อยๆ จะมีอะไรแปลก(แตกต่าง)มั๊ย? อืออ! ไม่มีอะไรแตกต่าง เหมือนเป๊ะเลย ทุกข้อความ จนจบ และต่อด้วยเนื้อหาใหม่(เรื่องเดียว แต่เนื้อเหมือนนำมาต่อกัน) อ่า อ่า ดูต่อไป ..แต่เอ๊ะ!!! อันนี้ มันคุ้นๆ นี่หน่า เอ๊า อ่านต่อไป อ๊า! ไม่แค่คุ้นแล้วหละ ...นี่มันเนื้อหาแบบเดียวกับใน Blog เราเป๊ะเลย ยิ่งกว่าเป๊ะ เพราะ ...ข้อความในเนื้อหา ยังอยู่ในฟอร์แมทเดิมอยู่เลย (อย่างเช่น ผมชอบเน้นข้อความให้เป็นสีสะดุดตา จะได้มองเห็นชัดๆ) ทุกอย่างรวมทั้งลิงค์ และรูปภาพที่ผมทำเอง) ทุกอย่างเป็นแบบเดียวกับบล็อกผมเลย

…มันเล่นก๊อปปี้มาวาง แบบไม่พูดไม่จา ไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติมอะไรซักอย่าง! และที่สำคัญ มันไม่ให้เครดิตแ่ก่บล็อกผมเลย แม้แต่จะอ้างถึง (ซึ่งผิดกันกับเนื้อส่วนบนที่เป็น Trackback ซึ่งอ้างถึงโดยปริยายอยู่แล้ว)

จากนั้น ..ในวันเดียวกัน (14 ก.ย. 2550)

ผมได้ไปแจ้งคนที่(คิดว่า)เป็นเจ้าของ Blog นั้นทราบ โดยเขียนในคอมเมนต์ของบทความเรื่องนั้นของเค้าเลย (เพราะไม่รู้จะเขียนที่ไหน หาที่จะเขียนไม่เจอ)
(การจะเข้าไปคอมเมนต์ก็ไม่ใช่ง่ายๆ น๊ะ ต้องลงทะเบียนก่อน) คิดว่าหากเขามีจิตสำนึกที่ดี คงจะแก้ไขให้เรา โดยเร่งด่วน …ซึ่งหากเขายังไม่ใส่ใจ เป็นได้เห็นดีกัน โห๊ะ โห่ะ!! ซึ่งที่เขียนไป ...เป็นแบบนี้ ครับ

--------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีครับ! ;(
ผมเข้ามาใน Blog ของคุณในวันนี้ เนื่องด้วยผมเจอสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้นใน Blog แห่งนี้ จึงต้องรีบแจ้งให้คุณ ผู้ซึ่งดูแล Blog แห่งนี้ได้รับทราบและรีบแก้ไข โดยเร่งด่วน
สิ่งที่ผมจะบอกคุณก็คือ เนื้อหาส่วนหนึ่งในบทความเรื่องนี้ของคุณ "เพิ่มรายได้ให้ Adsense ด้วย Flixya.com" เป็นเนื้อหาที่ผมคิดว่ามาจาก Blog นี้ (http://2talkbig.blogspot.com) ของผมในบทความเรื่อง "
เพิ่ม Add-ons ให้ Firefox อัพโหลดวิดิโอไป Flixya ...ง่ายๆ" ด้วยข้อความ รูปแบบ(Format) ในเนื้อหาทั้งหมด รวมทั้งรูปภาพ เป็นเนื้อหาเดียวกับที่อยู่ใน Blog ของผม ซึ่งเกิดจากความคิด ความรู้ที่ได้รับมาของผมได้ถ่ายทอดลงไป และทั้งต้องเสียเวลาในการเขียนขึ้น
แต่ว่าคุณได้ "คัดลอก" เนื้อหาทั้งหมดของผม โดยไม่มีการขออนุญาตโดยมารยาท จริงๆ แล้วผมไม่ได้ติดใจเรื่องการขออนุญาต ซึ่งอย่างน้อยคุณควรจะอ้างอิงแหล่งข้อมูลเนื้อหาที่คุณนำมาจาก Blog ของผม เป็นการให้เครดิตกับผู้เขียน แต่ว่าคุณกับไม่ได้ทำ

ผมจึงขอแจ้งให้คุณทราบ และรีบดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน "หากว่าคุณยังเพิกเฉย และไม่ใส่ใจในสิ่งที่คุณทำให้เกิด ...มิฉะนั้นแล้ว ผมจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป"

ด้วยความปรารถนาดี
Napatsakol

--------------------------------------------------------------------------------

ก็พยายามบอกเค้า(มัน) ไปแบบสุภาพๆ เท่าที่คิดได้ในเวลานั้น

และต่อมา วันที่ 15 ก.ย. 2550 ผมได้เข้าในบล็อกนั้นอีกครั้ง

ปรากฏว่า มันได้ลบเนื้อหาทั้งหน้า นั้นไปเรียบร้อยหละครับ …เจอแต่คำว่า

Not Found

Sorry, but you are looking for something that isn’t here.

อืออ ในเมื่อเค้าแก้ไขให้ ก็คงจะไม่ว่าอะไรต่อหละ ..แต่ถ้าไม่กล่าวถึงเลย ก็คงจะไม่ได้ เพราะการกระทำเช่นนี้ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ก็เลยต้องมาบ่นให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ หละกันครับ

15 กันยายน, 2550

แก้ลำ ..ไซต์/บล็อกที่ไม่ให้ใส่ URL ในคอมเมนต์

พอดีวันนี้เจอปัญหาในบล็อกๆ หนึ่ง มีเพื่อนเค้าถามปัญหาเรื่องที่ข้องใจมา ไอ้เราก็ไปหาคำตอบมาจนเจอแล้ว แต่...ไม่อาจวาง URL ของไซต์ที่เจอคำตอบได้(ไม่ว่าของไซต์หรือบล็อกไหน ไม่ได้ซักที่เดียว) ลงในส่วนที่เขียนคอมเมนต์ของ Blog นั้นได้ เนื่องด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ อาจจะเป็นการป้องกันอะไรสักหนึ่ง ...ไม่อยากคิดมาก ไม่เป็นไร มีวิธีแก้หละกัน! (อิ อิ ...วิชามาร)

วิธีการแก้ (ก็ง่ายๆ ครับ)

ข้อสังเกต : เวลาเราใส่ URL แบบปกติลงไปในคอมเมนต์ เช่น http://internetmosaic.com/members/manageaccount.php อิตา Blog นี้ เค้าก็จะแจ้งว่า เกิดปัญหาทางเทคนิค ทุกทีไป แล้วก็จะโพสต์ในคอมเมนต์นั้นไม่ได้ วิธีแก้ของผมก็คือ เอา URL เดิมนี่แหละ แก้ซะนิดหนึ่ง คือ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างตัวอักษรที่อยู่ใน URL นั้นๆ เช่น h t t p : / / i n t e r n e t m o s a i c . c o m / m e m b e r s / m a n a g e a c c o u n t . p h p แบบนี้ครับ (อาจจะไม่สะดวกหน่อย เวลาทำ แต่ทำไงได้หละ)

แล้วทีนี้ตอนแปลงกลับหละ (ก็ให้เค้ามาอ่าน เนื้อหานี้ใน Blog ผมไง ..ดีมั๊ย?) ก็ง่ายๆ อีกเดิมเคย ...ดังนี้เลยครับ

  1. คุณก็ ก๊อปปี้ URL นั้นไปวางใน Microsoft Word หรือจะเป็นโปรแกรม Notepad ก็ได้ ครับ
  2. จากนั้น เอาเมาส์ไปคลิกหน้า Url (หน้าคำว่า http เลย) เสร็จแล้วคลิก คำสั่ง Edit(แก้ไข)
  3. คลิกคำสั่ง Replace… (แทนที่) จากนั้น
  4. จะขึ้น Dialog box ; Find and Replace (ค้นหาและแทนที่) ขึ้นมา
  5. ในช่อง Find what: (ช่องแรก) ให้คุณ กดปุ่ม space bar 1 ครั้ง
  6. ในช่อง Replace with: (ช่องที่2) ไม่ต้องพิมพ์อะไร
  7. เมื่อทำครบทั้ง 2 ช่อง แล้ว ...ให้คลิก Replace All (แทนที่ทั้งหมด)
  8. เป็นอันเรียบร้อย โดยที่เราไม่ต้องนั่งลบ(ช่องว่าง)เองทีละตัวให้เมื่อยมือ ครับ

ปล. เล็กๆ น้อย ในการใช้ของ(โปรแกรม)ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์

07 กันยายน, 2550

รู้สึกอย่างไรกับ ..ผวกเว็บ/บล็อกสแปมคีย์เวิร์ด(เห็นแก่ตัว)

ก่อนเขียนบล็อกวันนี้ อารมณ์ไม่ค่อยจะจอยเท่าไหร่! (แต่เวลานี้ ..ได้เขียนบล็อก ก็ค่อยบรรเทาแล้วหละ) เนื่องด้วยได้ค้นหาข้อมูลบางอย่างจากเว็บไซต์ Google และก็เจอคำที่ตัวเองค้นหาแล้ว แต่...

มัน "ไม่ใช่" สิ่งที่เราต้องการ เพราะมันเป็นแค่ "คำ" หรือ "ข้อความ" เท่านั้น มันไม่ใช่เนื้อหา บทความ หรือสิ่งที่เราต้องการเลย ...บอกตรงๆ ว่าเคือง เคืองมากๆ คือมันไม่ใช่แค่ไซต์เดียวหนะที่เจอ เจอหลายๆ ที่ด้วย จนมีความรู้สึกว่า "คนผวกนี้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย" ทำไมไม่จริงใจที่จะนำเสนอข้อมูลด้วยความจริงใจ แต่ใช้วิธีการใส่คำ ข้อความ ลงในเว็บ/บล็อกเขียนบล็อกของตัวเอง ทั้งที่ในนั้น "ไม่มี" เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับ คำ หรือ ข้อความ นั้นด้วยซ้ำก็มี ..มีตัวอย่างให้ดู ครับ ว่า นี่มันสแปมคีย์เวิร์ด(Spam keyword) ชัดๆ เลย ใช่หรือไม่...?

ตัวอย่างแรก

เพราะเล่นเอาคำ ข้อความ มาใส่ แต่เราคลิก ...อย่างไร มันก็ไม่ยอมไปไหนซักที่เลย เพราะไม่ได้ทำลิงค์ไป

นี่ถ้าเป็นอีกเว็บไซต์หนึ่งที่เจอ จะไม่ว่าเลยสักคำ ขอยกตัวอย่างเว็บไซต์นี้ครับ หน้าตาถึงดูรกๆ แต่ก็มากด้วยเนื้อหา จริงๆ ถึงจะมีคำ ข้อความแบบข้างบน แต่ก็ทำลิงค์(ที่ใช้การได้)ให้ สามารถเชื่อมโยงไปได้ทุกที่

ตัวอย่างที่สอง

อันนี้ตัวอย่าง ที่ดี ต้องบอกต่อ เว็บไซต์ www.thaiall.com ครับ

------------------------------------------------------------

จากรูปข้างบน ...แบบแรก

วิจารณ์ต่อ ! ดีกว่า ...

หากคุณไม่เจอกับตัวเอง ก็คงอาจไม่รู้สึกอะไร แต่ผมเห็นว่า "เค้าเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย" โดยเฉพาะกับเว็บ/บล็อกที่ทำเพื่อผลกำไร มักจะเป็นแบบนี้

ผมว่าน๊ะ Google เค้าไม่สแกนเลยเหรอ ว่ามีการใช้วิธีการแบบนี้ เพื่อให้ Search Engine หาเค้าเจอง่ายๆ โดยการปั่นคีย์เวิร์ด หลายๆ คำ ลงไปเยอะๆ แบบดื้อๆ ซะอย่างงั้น ซึ่งถ้าหากเป็นไปได้ ก็จะได้แบนไปเลยย ...ซะให้เข็ด เอาเปรียบผู้บริโภคดีนัก ฮึ!!!!

02 กันยายน, 2550

ง่ายๆ กับการใช้ Shortcuts key ระหว่างโพสต์ Blogger

ฉันสามารถใช้ คีย์ลัด ในระหว่างโพสต์ข้อความใน Blogger ได้มั๊ย?

คำตอบ...ก็คือ "ได้ครับ ได้อย่างแน่นอน" เพราะ Blogger ได้เตรียมความสะดวกนี้ให้เราอยู่แล้ว ในขณะที่เราเขียนเนื้อหาบทความอยู่ ในหน้าต่าง สร้างบทความ(Create Post) ซึ่งมีอยู่หลายคำสั่งด้วยกัน

แต่ เดี๋ยวก่อน! ..ทำความรู้จักกันก่อนในเบื้องต้น ก่อนจะถลำลึกกว่านี้ อิ อิ!

Shortcuts Key หรือ Keyboard shortcuts คืออะไร?

ถ้าแปลเป็นภาษาไทย ก็คือ คีย์ลัด หรือ(คีย์)ทางลัด มั๊ง!(เอ๊ะ อย่างไง) ถ้าจำไม่ผิด แต่ส่วนใหญ่เราก็มักจะพูดกันติดปากว่า ชอร์ทคัท(Shortcut) หรือไม่ก็ คีย์ลัด นั่นหละ ...ง่ายๆ สะดวกดีนักแล

แต่ถ้าแปล แบบอรรถาธิบาย ก็อาจบอกได้ว่า เป็นการกดปุ่มบนแป้นพิมพ์ (คีย์บอร์ด) ปุ่มใดปุ่มหนึ่ง หรือหลายปุ่ม เพื่อใช้แทนบางคำสั่งในการใช้งานโปรแกรมต่างๆ บนวินโดวส์ ครับ เพราะบางที รู้สึกว่ามันสะดวกกว่าการใช้เมาส์มาก ..มือเราก็อยู่ใกล้ๆ แป้นพิมพ์อยู่แล้ว (แบบนี้ พอจะเข้าใจนะครับ?)

ทีนี้มาดูกัน ว่ามีคำสั่งใดบ้างที่สามารถใช้ชอร์ทคัท หรือคีย์ลัด ได้

  • ปุ่ม Control + b = ทำตัวหนา (Bold)
  • ปุ่ม Control + i = ทำตัวเอียง (Italic)
  • ปุ่ม Control + l = ทำ Blockquote (ใช้ได้ในโหมด HTML เท่านั้น)
  • ปุ่ม Control + z = ยกเลิกสิ่งที่ทำไป (Undo)
  • ปุ่ม Control + y = ทำซ้ำที่ยกเลิกไป (Redo)
  • ปุ่ม Control + shift + a = ทำลิงค์เชื่อมโยงไป... (Link)
  • ปุ่ม Control + shift + p = ดูตัวอย่าง (Preview)
  • ปุ่ม Control + d = บันทึกแบบร่าง (Save as Draft)
  • ปุ่ม Control + p = เผยแพร่เนื้อหา (Publish Post)
  • ปุ่ม Control + s = บันทึกอัตโนมัติ (Autosave and keep editing)
  • ปุ่ม Control + g = แปลเป็นภาษาฮินดู มั้ง! ไม่แน่ใจครับ (Hindi transliteration)

ปล. จะใช้ได้ดีกับเบราว์เซอร์ Internet Explorer 5.5+/Windows และ Mozilla family (1.6+ and Firefox 0.9+) และอาจทำงานได้ดีกับเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ ด้วยก็ได้ ครับ อันนี้ต้องทดลองใช้ดู ..นะครับ

..บางคำสั่งก็คล้ายๆ กับที่เราใช้งานโปรแกรมทั่วๆ ไป หรือโปรแกรม Ms-Office ทั้งหลาย ที่เราคุ้นกันดีนั่นแหละครับ

Technorati Tags:

31 สิงหาคม, 2550

คนไทยที่หนึ่งในโลก ...ทำโฆษณาเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย

การทำโฆษณาให้ประสบผล ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำโฆษณาไปแล้ว ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้รับจริงๆ ได้เห็น ได้ชม ได้อ่าน ได้ยิน ได้สัมผัส (เอาให้ครบทุกได้เลย) และในที่สุดได้ลอง และได้ซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการนั้นๆ...

มาดูตัวอย่างกันว่า โฆษณาผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไร ในอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด ....???

อันแรก


เจ้าโฆษณาตัวนี้ มันรู้ด้วยแฮะ ...ว่าเรากำลังเล่น Blog อยู่


แน๊ะ!! ...ดูทีวีออนไลน์ ก็ไม่ได้

กำลังดู Photo Gallery อยู่ดีๆ ...ก็โผล่มาทักทายอีก

อุตส่าห์ จะแอบเล่นเกมซักหน่อย ยังรู้อีก! เออ ...แถมยังบอกเราอีกว่า งานแกหนะ สนุกเหมือนเกมเลย (จะสนุกจริงฤเปล่าน๊า! จะลองคลิกดูก็เกรงใจอยู่)

ตัวผมก็เขียนบล็อกด้วย Blogger อยู่ด้วยสิ ...อิตาโฆษณาตัวนี้ ก็ดันตามมาเตือนอีก "อย่ามัวแต่เล่น Blogger" กะจะให้เราเปลี่ยนไปทำงานพิเศษ ครับ (เอ๊! จะเอาดีมั๊ยเนี่ย ...ช่างใส่ใจ รู้ใจกันดีจังเลย)

แหะ แหะ! โฆษณาของเจ้าไหนก็ลองดูกันเอาเองหละกัน ครับ เดี๋ยวนี้เค้าก้าวหน้าครับ ...ไปทำ Adword กับ Google ด้วยหละ Ads By Google โชว์หราเลย

Technorati Tags:

30 สิงหาคม, 2550

ตัวช่วย ...ในการเขียนบทความ(โพสต์) ลง Blog

พูดถึงเรื่องต่างๆ มาก็มากแล้ว จนเกือบลืม จุดประสงค์หลักของ Blog ตัวเอง นั่นคือ "พูดถึง Blog แบบพื้นๆ ..และเรื่องไอทีทั่วไป" เวลานี้มันไม่ค่อยจะพื้นแล้วหละเนี่ย เนื้อหาชักจะเป็นวาร์ไรตี้ ไปทุกทีแล้ว

วันนี้จึงอยากย้อนกลับไปที่จุดหมายเดิม ...ขอพูดถึงเรื่องพื้นๆ ครับ

ในการเขียน Blog (เขียนเนื้อหาลงบล็อก) นั้น หากจะให้ดี ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถหยิบฉวยมาใช้ได้ในยามจำเป็น จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ผมจะพูดถึง คือ Software โปรแกรมต่างๆ ...ซึ่งก็ไม่มากมายอะไร บางตัวมีอยู่แล้วในคอมพิวเตอร์ของเรา หรือถ้าไม่มีก็ติดตั้งเพิ่มเข้าไปได้

สำหรับผมแล้ว ตัวช่วยเขียน Blog ควรจะมีต่อไปนี้

  1. โปรแกรม Notepad
    มีอยู่แล้วในเครื่อง ...เป็นที่พักข้อความที่เราคัดลอกมา หรือใช้สำหรับแก้ข้อความง่ายๆ ที่ไม่ต้องมีรูปแบบใดๆ เช่น โค๊ด HTML, JavaSpript เป็นต้น
  2. โปรแกรมเขียนเว็บไซต์ ตกแต่งเว็บไซต์
    ซึ่งบางทีการแก้ไขบล็อกที่เกี่ยวกับ Html, Xml หรือโค๊ดอะไรต่างๆ เราอาจจะไม่มีความรู้ หรือรู้ไม่แจ่มแจ้งนัก เราก็ใช้โปรแกรมเหล่านี้ช่วย Generate (คือแปลงเป็นโค๊ดHtml หรือ ฯลฯ)โค๊ดให้โดยอัตโนมัติ เช่น เราจะสร้างตาราง เราก็เข้าโปรแกรมผวกนี้ สร้างง่ายๆ เหมือนกับที่เราทำใน Ms-Word เสร็จแล้วก็คัดลอกโค๊ด หรือไม่ก็คัดลอกตารางเลยก็ได้ มาวางใน Blog อีกทีหนึ่ง ตัวอย่างโปรแกรมเหล่านี้ เช่น โปรแกรม Macromedia Dreamweaver, Microsoft Frontpage, HomeSite หรือแล้วแต่จะสะดวกหามาใช้ได้
  3. โปรแกรมตกแต่งรูปภาพ/แก้ไขภาพ
    สำหรับรูปภาพที่นำมาใช้ใน Blog อาจมีการปรับแต่งเบื้องต้นก่อนนำมาใช้ประกอบใน Blog เช่น ลดขนาดภาพ ปรับความละเอียดให้น้อยลง (ความละเอียดของภาพมาก จะมีผลกับการโหลดหน้าเว็บฯ อาจจะช้ามากขึ้น) ปรับโหมดสี หรือแก้ไข ปรับแต่งอย่างอื่น ก็ต้องอาศัยโปรแกรมเหล่านี้ช่วย ...ที่ขอแนะนำ ก็เช่น
    - Paint โปรแกรมวาดภาพ จัดการภาพแบบพื้นสุดสุด ใช้งานง่ายๆ แต่สามารถใช้ได้ในยามฉุกเฉิน
    - Adobe Photoshop จะเป็นรุ่นไหนก็ได้ ใช้ตกแต่งภาพเพื่อประกอบบล็อกที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง ปัจจุบันจะมีโปรแกรมแถมมาให้อีก 1 ตัว ชื่อว่า ImageReady ที่ใช้ตัดแบ่งภาพ สร้างปุ่ม สร้างภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ
  4. โปรแกรมแปลภาษา/ดิกชันนารี่
    สำหรับทำบล็อกภาษาต่างประเทศ โปรแกรมเหล่านี้สามารถช่วยได้ในเบื้องต้น ...ที่ผมใช้อยู่ก็มี
    - โปรแกรมแปลอังกฤษเป็นไทย (Ms-Word ก็ช่วยได้)
    - โปรแกรมแปลไทยเป็นอังกฤษ ...อันนี้แล้วแต่จะหามาใช้ ครับ
  5. หรืออื่นๆ หากหามาได้

พื้นๆ ก็คงจะมีแค่นี้ครับ หากมีตัวช่วยเหล่านี้แล้ว เราก็บรรเลงเพลงเขียนบล็อกให้หายบ้า ได้เลยครับ (ถ้าไม่เขียน จะบ้า!! หะ หะ ...ล้อเล่น) ...ไม่รู้คุณผู้ชมใช้ตัวช่วยอะไรบ้าง ใครมีของดีกว่านี้ ก็แนะนำกันได้นะครับ ไม่คิดตังค์ครับ :-)

เพิ่ม Add-ons ให้ Firefox อัพโหลดวิดิโอไป Flixya ...ง่ายๆ

สำหรับตัวผมเองแล้ว นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่เคยใช้มา ในการอัพโหลดไฟล์วิดิขึ้นสู่ Flixya จากการงม งม งม(งมหาโข่งครับ) อยู่ตั้งนาน...

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Flixya ให้ไปหาอ่านได้จาก http://www.zickr.com ครับ หรือถ้าจะให้ผมช่วยเล่าให้ฟัง(เอ้อ เขียนให้อ่านซิเน๊าะ) ก็ได้เลยครับ (แต่กลัวจะไปซ้ำกับของผู้อื่นหนะดิ)

ปกติแล้วการที่จะเอาวิดิโอมาแสดงใน Flixya นั้น ทำได้ 2 วิธี ก็คือ

  1. Upload videos โดยการอัพโหลดผ่านโปรแกรม วิดิโอไข่ เอ๊ย.. Video Egg ครับ และเจ้าโปรแกรมตัวนี้ก็ไม่ได้ Support ไฟล์วิดิโอทุกฟอร์แมท ดังนั้นมันก็เลยเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับเราในการหาโปรแกรมมาแปลงไฟล์ ให้วุ่นวายไปหมด ..ที่เห็นจะเข้ากันได้ก้มีแต่ .mp4 มั๊ง อย่างอื่นไม่แน่ใจครับ เพราะไม่เคยลอง ในบางครั้งบางเว็บที่เราดาวน์โหลด มันไม่ใช่ฟอร์แมทที่เข้ากันกับ Video Egg เช่นอาจเป็น .Flv .Gvi แบบนี้ ก็ต้องพึ่งพาโปรแกรมผวก Encoders/Converter ทั้งหลาย
  2. Embed Video เป็นการเพิ่มวิดิโอ โดยการก๊อปปี้และวาง URL หรือ embed code จากวิดิโอไซต์ต่างๆ ตัวอย่าง เช่น YouTube, Live Video, Metacafe, Daily Motion เป็นต้น ...แตวิธีการเหล่านี้ก็ทำไมได้่ง่ายๆ เช่นกัน เพราะลองทำแล้ว ปรากฏว่า ทำไม่ได้ งงงตึ๊บ!!

วิธีการยุ่งยากเราก็พับเก็บไว้ก่อน มาดูวิธีง่ายๆ หละกันครับ แอ่น แอ๊นน!!
อันดับแรก ก็ต้องติดตั้งเจ้า Add-ons กันก่อน

  1. เมื่อ Login เข้าสู่หน้า Flixya Blog ของเราแล้ว ให้เลื่อนลงมาด้านล่างสุดของหน้านั้น จะเห็นเมนู 2 กลุ่ม คือ Explore และ About ในเมนู Explore จะมีคำสั่งย่อยหนึ่ง คือ Tools ให้คลิกเลือกได้เลย

  2. ก็จะเปิดหน้า Flixya Tools ขึ้นมา ให้คลิกที่ปุ่ม Install Now ครับ


  3. จะเปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Software Installation ขึ้นมา ให้คลิกที่ ปุ่ม Install Now (ในไดอะล็อกบ็อกซ์) อีกครั้ง ครับ ...ดังรูป


  4. โปรแกรมจะเริ่มติดตั้งตัวเอง จนเสร็จ ...ให้คลิกที่ปุ่ม Restart Firefox ครับ


  5. จากนั้นจะให้เรายืนยันอีกครั้ง เราก็คลิก Close tabs ไปเลย

  6. เมื่อ Firefox เปิดตัวเองขึ้นมาใหม่ ทีนี้เราก็จะหาไม่เจอครับ ว่าเจ้า Add-ons ที่เราเพิ่งลงไปใหม่มันอยู่ตรงไหน ? เอ่อ แล้วทำงัยเนี่ย ไม่ต้องตกใจครับ ลองดูที่เมนู Tools ของ Firefox ครับ ...



    เราจะเห็นคำว่า Submit video to Flixya Alt+Ctrl+F นั่นหละ ...อย่าเพิ่งคลิก นะครับ (รอแป๊บ!)
  7. ทีนี้เวลาใช้หละ ต้องทำอย่างไร? ...ไม่ยากเลยครับ แค่ เปิดหน้า Flixya ของเราไว้ จะเป็นหน้าไหนก็ได้ และเปิดแท็บใหม่ขึ้นมา แล้วเข้าเว็บไซต์ผวกวิดิโอไซต์ เช่น YouTube, Live Video, Metacafe, Google Video เป็นต้น ..เมื่อเข้าไปแล้ว เราก็หาวิดิโอ(เราอาจจะหาไว้ก่อนก็ได้) ที่เราต้องการ..เสร็จแล้วให้ คลิกเลือกวิดิโอที่เราต้องการได้เลย เมื่อหน้าต่างวิดิโอที่เราเลือก เปิดแล้ว ถึงขั้นตอนสำคัญแล้ว ...คลิกที่เมนู Tools และคำสั่ง Submit video to Flixya Alt+Ctrl+F ได้เลย ครับ

    ไดอะล็อกบ็อกซ์ Submit to Flixya จะเปิดขึ้นมา โดยมี URL ของวิดิโอ และไตเติล ให้เรียบร้อย (ไตเติลเปลี่ยนได้นะครับ) ...เราก็แค่กรอกเพิ่มอีกนิดหน่อย ตรง



    Description: (คำบรรยาย คำอธิบาย) Tags: (แทรก tag ครับ) และเลือก Category: (หมวดหมู่,ประเภท) ซะ ...คลิก Submit เป็นอันเสร็จ ครับ ...รอรับได้เลยย


  8. เมื่อกลับมาเปิด หน้าเว็บ Flixya ของเรา ...เราก็จะเห็นว่า มีวิดิโอ ใหม่(ที่เราเพิ่งทำหมาดๆ) มาโผล่ และเล่นให้เราดูเป็นตัวอย่างแล้วหละครับ

แหม่! ...อะไรจะง่ายปานนั้น เห็นไหมครับ ว่าที่ว่ามาหนะ (อาจยาวไปหน่อย แต่เพื่อความเข้าที่แจ่มแจ้งของผองเพื่อน เลยต้องบ่นกันยาวหน่อย) ถ้าลองทำตามดูแล้ว มันง่ายนิดเดียว จริงๆ ... :-)

ลองดูน๊ะครับ ...

ปล. หากยังไม่รู้จักกับคุณ Flixya ไปหาอ่านได้จากบล็อก 2 แห่งนี้ ได้เลยครับ

27 สิงหาคม, 2550

Blogger เก็บรูปที่เราโพสต์ในบทความไว้หนใด..?

ใครเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ...เวลาที่เราแทรกรูปในเนื้อหาบทความลงใน Blogger ของเรานั้น แล้วรูปภาพเหล่านั้นจะถูกนำไปเก็บ ณ ที่แห่งใด ทั้งที่พื้นที่เขียน Blog ของ Blogger ก็ใช่ว่าจะมีมากมายนัก

เอ๊า คิด คิด ...มันน่าจะมีที่เก็บภาพของบล็อกอย่างเดียว เป็นแน่แท้ ? คำถามในใจนี้ ก็ได้รับการตอบ เมื่อเวลาผ่านไป ...เมื่อผมได้ดาวน์โหลดโปรแกรมดู/แสดง/จัดการภาพ(เบื้องต้น)ตัวหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Picasa ครับ ซึ่งเจ้าโปรแกรมตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของ Google ด้วย เอามาลองติดตั้งในเครื่องคอมฯของตัวเอง และทดลองใช้ ใช้ไปใช้มา(จริงๆ ก็ใช้อยู่ที่เดิมนั่นหละ) ก็รู้ว่ามันมีคุณสมบัติในการอับโหลดภาพขึ้น Web Album ที่ชื่อว่า image ได้ด้วย ด้วยปุ่มเพียงปุ่มเดียว ดังรูปครับ

picasa-0

ซึ่งในการอับโหลดครั้งแรก โปรแกรมจะให้ลงทะเบียนครับ และให้เราเลือกว่าจะ


  • ใช้บัญชีที่มีอยู่แล้วของ Google เช่น Gmail, Google Groups, Google Alerts หรือ Froogle Shopping List หรือ
  • สร้างบัญชี(Google)ใหม่ บัดเดี๋ยวนั้น
เมื่อเข้าเว็บไซต์มาแล้ว หน้าตาของโปรแกรม ก็จะคล้ายกับภาพ ด้านล่างนี้ครับ ซึ่งเมื่อครั้งที่ผมเปิดเข้าไปครั้งแรก ก็ไปเจอกับภาพที่ตัวเองเคยโพสต์ไว้ใน Blogger มานานแล้วนั่นเอง

picasa-1


(คลิกที่ภาพ เพื่อขยาย เป็นขนาดปกติ)


ในการที่จะใช้ Picasa Web Albums ได้นั้น Google บังคับว่าเราจะต้องใช้บัญชีอีเมล์ของ Google Account เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะ เราสามารถที่จะไปใช้บริการ (Services) ต่างๆ ของ Google ได้อีกหลากหลายด้วย Email address และ password เพียงอันเดียว ...พูดง่ายๆ ก็คือ แค่มี gmail เพียงบัญชีเดียว ก็สามารถนำไปใช้กับบริการของ Google ได้ทุกอย่าง แบบ All in one เลย


ทีนี้มาดูว่า เจ้า Picasa Web Albums นี่ มันเป็นอย่างไร มีความสามารถเยี่ยงไรบ้าง ...

What is Picasa Web Albums?

Picasa Web Albums เป็นฟีเจอร์(Feature ; หน้าตา ลักษณะเฉพาะ) ใหม่ล่าสุดของเจ้าโปรแกรม Picasa ออกแบบขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถโพสต์ และแชร์รูปภาพได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายบน Web/Blog

ด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ต่อไปนี้ :


  • พื้นที่ฟรี สำหรับเก็บรูปภาพที่เราโพสต์ ถึง 1GB หรือจุได้ประมาณ 4,000 ภาพ ปรับปรุงใหม่ ครับ เมื่อก่อนได้น้อยกว่านี้
  • ภาพที่มีความละเอียดสูง โปรแกรมจะปรับขนาดให้พอดีอัตโนมัติ เพื่อแสดงบนพื้นที่หน้าจอได้อย่างเหมาะสม
  • การบริหาร/จัดการรูปภาพเป็นแบบ End-to-end คือได้ทั้ง Uploaded และ Download ที่ทำได้อย่างง่ายดาย
  • ไม่เฉพาะภาพอย่างเดียว ไฟล์วีดิโอ ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน

ไปลงทะเบียนเป็นเจ้าของ Web Albums ...คลิกที่นี่ ครับ http://picasaweb.google.com


ส่วนเจ้าโปรแกรม ปิคาซ่า (Picasa) ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ Picasa Web Albums ตัวนี้เป็นเยี่ยงไร ...มาดูกันต่อครับ

picasa-3

What is Picasa?

Picasa คือ ซอฟต์แวร์จัดการรูปภาพฟรี ที่จะช่วยให้เราค้นหาอย่างรวดเร็ว แก้ไข และแชร์รูปภาพทั้งหมดในคอมพิวเตอร์ของเรา

Picasa จะค้นหาที่อยู่ของรูปภาพของเราทั้งหมดอย่างอัตโนมัติ(แม้ว่าบางไฟล์บางโฟลเดอร์ เราอาจจะลืมไปแล้ว ว่าเคยมีอยู่) แล้วจัดไฟล์เหล่านั้นเป็นประเภท รวบรวมเข้าไว้ใน Visual folders โดยเรียงลำดับตาม ชื่อ(name) ขนาด( size) หรือวันที่(date)

เราสามารถใช้วิธีการลากแล้ววาง (drag and drop) เพื่อจัดการโฟลเดอร์ของเรา และทำ Albums เพื่อสร้างกรุฟใหม่ Picasa จะทำให้เรามั่นใจได้ว่ารูปภาพของเราจะถูกจัดให้เป็นระบบอยู่เสมอ

โดยเฉพาะการแก้ไขที่ยุ่งยาก Picasa จะทำให้มันเป็นเรื่องง่าย ๆ โดยการคลิกเพียงครั้งเดียว แต่ให้ผลลัพธ์ที่เกินคาด ในปลายนิ้วเดียว

และ Picasa ทำให้การแชร์รูปภาพของเราทำได้ในทันที โดยส่งทาง Email อับโหลดไปยัง Album online สั่งพิมพ์ภาพที่บ้าน ทำซีดีของขวัญ(gift CDs) และแม้กระทั่งโพสต์รูปขึ้นสู่ Blogger


หากสนใจที่จะใช้โปรแกรม Picasa ...หาได้จากปุ่มหน้าตาแบบนี้



ในบล็อกนี้ ครับ
สรุปแล้ว :
  • Blogger เก็บรูปที่เราโพสต์ไว้ใน Picasa Web Album ครับ รายละเอียดดังนี้ ครับ
    FTP Hostname คือ http://picasaweb.google.com/ชื่อUsername
    URL of image publishing folder คือ http://picasaweb.google.com/ชื่อUsername/ชื่อโฟลเดอร์ที่เก็บภาพ
  • เราสามารถเข้าไปใช้งานได้โดยตรง โดยพิมพ์ URL ตามข้างบนได้เลย แต่ชื่อ Username ต้องเป็นของเราเอง (Google Account) เมื่อเราใช้งาน เราสามารถที่ จะ
  • ได้ที่เก็บขนาดความจุมากถึง 1 Gb
  • สามารถฝากไฟล์รูปภาพ ฝากไฟล์ Video ได้ แล้วแชร์สู่สาธารณะชนก็ง่ายดาย
  • Uploaded หรือ Download ก็ทำได้้ง่ายๆ แบบพิกๆ
  • หรือจะใช้งานผ่านเจ้า ปิกาซ่า ก็ย่อมทำได้ ครับ
  • การใช้โปรแกรม Picasa ใช้งานเช่นเดียวกับโปรแกรมวิวภาพ จัดการภาพอย่าง ACDSee Photo Manager ครับ ซึ่งไม่แน่ว่าในวันข้างหน้า อาจเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวก็เป็นได้ ...เนื่องจากเป็นของฟรีที่ Google เค้าใจดีให้ใช้ฟรี ไม่มีคิดเงินแน่นอน

Related Posts by LinkWithin

Related Posts with Thumbnails