แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Blog Basic แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Blog Basic แสดงบทความทั้งหมด

29 มกราคม, 2553

กำหนดหมวดหมู่ ให้กับบทความ

พอดีมีผู้ชมเข้ามาถามว่าจะจัดหมวดหมู่ให้กับ Blog อย่างไร ผมก็เลยต้องรีบเขียนให้เป็นการด่วนเลย ไม่ได้ซิต้องรักษาผู้อ่านไว้ ..ยิ่งหายากอยู่ด้วย(หุหุ)

บางคนอาจสงสัย และไม่เชื่อว่า ทำเมนูให้กับ Blog ไม่ได้ ขอเถียงนะจ๊ะ มันทำได้จ๊ะ ง่ายๆ ด้วยหละ ผมทำง่ายๆ แบบนี้เลย ใช้วิธีนี้ทำเมนูให้กับบล็อกได้ แม้จะไม่ใช่เมนูแบบตรงๆ แต่ก็ทดแทนกันได้น๊ะ …เริ่มกันเลย

เราจะทำการ กำหนดหมวดหมู่ ให้กับบทความ ..ก่อนอื่นมาดูหน้าตาของ Blog ที่เราสร้าง ดังตัวอย่าง...

clip_image002

ซึ่งบล็อกปกติที่สร้างเสร็จใหม่ๆ จะมีส่วนประกอบต่างๆ ดังนี้

  1. ชื่อบทความ(ปัจจุบัน) ที่เราเขียน
  2. วัน/เดือน/ปี ที่เขียน
  3. เนื้อหาในบทความ
  4. ชื่อผู้เขียน (เราเอง) + เวลาที่เขียน
  5. ส่วนที่แสดงความเห็น
  6. โปรไฟล์ (หรือข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของ Blog)
  7. คลังบทความ ที่เก็บบทความที่เขียนไปแล้ว ซึ่งจะเก็บเรียงตามเดือนและปี บทความล่าสุดจะอยู่ด้านบน ..สามารถค้นเรื่องเก่าๆ ที่เคยเสนอไปแล้วจากตรงนี้ได้

ดูจากตัวอย่าง จะเห็นว่าเป็น Blog ที่เรียบง่ายมาก ไม่มีส่วนประกอบอะไรอื่นๆ ให้น่าสนใจเลย ดังนั้นในวันนี้เราจะมาเพิ่ม ส่วนที่จะแสดงบทความรวมเป็นหมวดหมู่ เป็นการรวมบทความที่เราเขียนไว้เป็นกลุ่มๆ เพื่อง่ายต่อการค้นหาเรื่องนั้นๆ หรือเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน ..ทำให้ Blog ของเรามีลักษณะคล้ายเว็บไซต์ที่มีเมนูแยกเรื่องต่างๆ เป็นหมวดหมู่ (ไว้ด้านข้างของ Blog) ทำให้ดูดีมากขึ้น ตามวิธีการต่อไปนี้

a. ล็อกอิน (Sign in) เข้าไปใน Blog ของตัวเอง จากนั้น

b. เมื่อเข้าสู่หน้า (Dashboard) (เฉพาะ Blogger) จะเห็นรายการ Blog ของตัวเองที่สร้างไว้ ให้คลิกที่หัวข้อ รูปแบบ .. clip_image004

จากนั้นคลิกที่ลิงค์เมนู รูปแบบ จะเข้าสู่หน้า เพิ่มและจัดเรียงองค์ประกอบของหน้า ทีนี้เราจะเพิ่มเป็นเมนูด้านข้าง (Sidebar)

c. ให้คลิก เพิ่มองค์ประกอบของหน้า จากนั้นจะเปิดป๊อบอัพ เลือกองค์ประกอบของหน้าใหม่ ขึ้นมา

d. ในหัวข้อ ป้ายกำกับ ให้คลิก เพิ่มในบล็อก จากนั้นป๊อบอัพ ตั้งค่าป้ายกำกับ จะเปิดขึ้นมา ให้ตั้งชื่อป้ายกำกับใหม่เช่น “เรื่องตามหมวดหมู่” จากนั้นคลิกที่ปุ่ม บันทึก
clip_image006

e. clip_image009จะกลับมาที่หน้า เพิ่มและจัดเรียงองค์ประกอบของหน้า เราจะเห็นว่าสิ่งที่เพิ่มลงไปจะไปอยู่ข้างบนสุดของด้านข้าง ให้ใช้เมาส์คลิกและลากลงมาไว้ด้านล่าสุด หรือจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
clip_image007

 

 

จากนั้นคลิกที่ปุ่ม clip_image011บันทึก

f. เสร็จแล้ว หากต้องการดูสิ่งที่เราได้ทำการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ให้คลิกที่ แสดงตัวอย่าง หรือ ดูบล็อก
clip_image013เสร็จแล้วเข้าไปแก้เรื่อง(บทความ)ที่เขียนไปแล้ว ให้มีส่วนของป้ายกำกับด้วย ..คลิกที่แท็บ การส่งบทความ

g. ในหน้า การส่งบทความ ให้คลิกที่แท็บ แก้ไขบทความ เพื่อเลือกเรื่องที่เราจะแก้ไข(เพิ่มป้ายกำกับ) จากนั้นก็เลือกเรื่องที่เราจะแก้ไข โดยคลิกที่ [ ] แก้ไข หน้า บทความที่เราจะแก้ไข

h. เมื่อเข้าสู่หน้า แก้ไขบทความ ให้เลื่อนลงมาล่างสุด จะเห็นส่วน ป้ายกำกับสำหรับบทความนี้: ในช่อง ให้พิมพ์ชื่อป้ายกำกับที่เราต้องการลงไป (ดูตัวอย่าง) ในครั้งต่อไปหากเรื่องที่เราเขียน อยู่ในกลุ่มเดียวกับเรื่องเคยลงไปแล้ว ให้คลิกเลือกตรง แสดงทั้งหมด แล้วคลิกที่ชื่อป้ายกำกับ ที่แสดงอยู่ได้เลย

i. จากนั้น คลิกปุ่ม เผยแพร่บทความ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

** สำหรับบล็อกอื่นๆ ...ให้ปรับแต่งค่า ให้ได้ใกล้เคียงนี้ ...ซึ่งไม่ยาก ลองศึกษาดู จะเห็นว่ามันมีการปรับแต่งค่าต่างๆ คล้ายๆ กัน (ลองศึกษาดูนะครับ)

 

แท็กของ Technorati: {กลุ่มแท็ก}

29 พฤศจิกายน, 2552

พี่เลี้ยงช่วยทำ Blog ...ภาคภาษาอังกฤษ

พอดีว่าเข้าไปแก้ไข้บทความเก่าๆ ที่เคยโพสต์ไป (เพิ่มหมวดหมู่) เมื่อโพสต์เสร็จเหลือบไปเห็นเจ้าป้ายและข้อความแนะนำนี้เข้า
image

เลยลองคลิกเข้าไปดู โอว! ..เอ๋านี่มัน youtbe นี่ เดี๋ยวนี้ Blogger เค้าอธิบายเป็นวิดีโอแล้วเหรอ? อื่ม! ทันสมัยแฮะ! ลองไล่คลิกๆ ดู อืออ เข้าท่า เอามาลงดูเป็นตัวอย่างซะหน่อย เผื่อใครสนใจจะได้คลิกเข้าไปดูได้

เป็นวิดีโอแนะนำ สอนเกี่ยวกับการใช้ Blogger มีอยู่หลายบทด้วยกันครับ พูดเกี่ยวกับเรื่อง Blogger ทั้งหมดเลย

Day dreamingใครสนใจจะศึกษา Blogger ในรูปแบบดั้งเดิม(ภาษาอังกฤษ) ลองเข้าไปศึกษาดูได้นะครับ น่าสนใจทีเดียว

แท็กของ Technorati: {กลุ่มแท็ก},

07 กันยายน, 2552

ให้ลิงค์กับเขา …เรา ได้ลิงค์ตอบแทน

เกี่ยวกับเรื่อง Blog หลาย ๆ คน ชอบพูดเป็นคำเพราะๆ ว่า
“Content is a king” (อือ ก็ถูกนะ)
แต่ผมว่า น่าจะเพิ่มอีกหน่อยว่า ผู้อ่าน คือ “พระเจ้า” ด้วยนะครับ …เพราะอะไรหนะหรือ? คำตอบง่ายๆ ก็คือ หากไม่มีผู้อ่านแล้วไซร้ เราจะเขียน Blog ขึ้นมาเพื่ออะไรหละเนี่ย เขียนเพื่อให้ตัวเองอ่านเองเหรอ! ..ไปปั่นไดอะรี่ไม่ดีกว่าหรือ? (เขียนเอง แล้วอ่านเองนิ) แล้วก็ไม่ต้องประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ด้วย (โหดๆ ไป)

แต่ถ้าคิดจะเขียนให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วย …ก็ต้องนึกถึงผู้อ่านก่อนเป็นอันดับต้นๆ นอกจากจะเขียนตามใจฉัน

กำลังจะบอกว่า เรื่องที่จะเขียนนี้ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้ชมเช่นกันครับ ที่เค้า(หลง)เข้ามาอ่าน แล้วเกิดมีอารมณ์ร่วม อยากลองภูมิ เอ๊ยไม่ใช่ มีข้อข้องใจอยากจะถาม และขอให้ช่วยแนะนำวิธีการทำให้? …ดังนี้ครับ

br กล่าวว่า...
ขอบคุนมากนะค่ะ
ช่วยได้เยอะมากทีเดียวเลยค่ะ
แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจในส่วนของลิงค์เลยค่ะ
เด่วถ้ามีปันหาไร จะขอถามหน่อยนะค่ะ^

…และ image จาก ShoutMix ครับ

ในเมื่อเค้า(ผู้อ่าน) ขอมา …จะช้าอยู่ใย ต้องรีบ(จัดให้)ตอบโดยไว ซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องการทำลิงค์(Link) ไปยังเว็บ/บล็อกเพื่อนบ้าน หรือที่อื่นใดที่เราชื่นชอบ หรือเข้าไปเยี่ยมชมบ่อยๆ โดยหวังในใจลึกๆ ว่า “ให้ลิงค์กับเขา …ได้ลิงค์ตอบแทน” (ตามกฏแห่งกรรม มั่วไปนั่น) คุณว่ามั๊ย?

เอาหละ …หากไม่เชื่อ ก็ต้องลองทำดู วิธีการง่ายๆ ดังนี้เลย…

  1. ลงชื่อเข้าใช้ (Sign in) เข้าไปใน Blog ของตัวเอง
    clip_image002
  2. เมื่อลงชื่อเข้าใช้แล้ว ในรายการ Blog ของเราที่สร้างไว้ ให้คลิกที่หัวข้อ รูปแบบ
    .. และคลิก เพิ่ม Gadget ..ให้เพิ่มลงไปตรงส่วนด้าน ซ้าย ของบล็อก
  3. จากนั้นคลิก รายชื่อลิงค์ clip_image004
  4. ช่อง หัวข้อ พิมพ์คำว่า รายชื่อ Blog ของผองเพื่อน หรือชื่ออื่นๆ ที่ต้องการ
  5. หัวข้อ URL ของไซต์ใหม่ ..ให้ใส่ (URL) ที่อยู่ Blog ของเพื่อน หรือที่ต้องการลงไป
  6. จากนั้น คลิกปุ่ม เพิ่มลิงค์
  7. หากจะใส่ ลิงค์ที่อยู่ Blog ของเพื่อนคนต่อไป ...ให้ทำเช่นเดียวกับข้อ 5 – 6 เมื่อทำจนครบจำนวนแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม บันทึก
  8. จะกลับมาที่หน้า เพิ่มและจัดเรียงองค์ประกอบของหน้า เราจะเห็นว่าสิ่งที่เพิ่มลงไปจะไปอยู่ข้างบนสุดของด้านข้าง ให้ใช้เมาส์คลิกและลากไปไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม (พอใจ)
    และคลิกที่ปุ่ม clip_image006บันทึก อีกครั้ง
  9. เสร็จแล้ว หากต้องการดูสิ่งที่เราได้ทำการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ให้คลิกที่ แสดงตัวอย่าง หรือ ดูบล็อก
    clip_image008 

หมายเหตุ : การทำลิงค์ออก ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งของการทำ Blog ด้วยครับ

ปล. ลองเพิ่มลิงค์ ไปที่ Blog เพื่อน หรือคนที่เรารู้จักก่อนก็ได้ครับ …แล้วบอกเค้าด้วย ว่าเราได้ทำลิงค์มาให้นะ แค่นี้เราก็ได้ใจแล้วครับ และก็หวังจริงๆ เลยว่า เดี๋ยวเค้าก็ทำลิงค์มาหาเรามั่งหละ (555 เป็นงั้น!)Hee hee

20 มิถุนายน, 2551

มาเริ่มเขียน Blog กัน

<<เนื้อหาส่วนนี้ จริงๆ แล้วผมต้องเขียนตั้งแต่เริ่มต้นโน่นหละครับ แต่ก็ไม่ได้เขียนซะที วันนี้ก็เลยต้องกลับร่ายยาวพูดถึงเรื่องเดิมๆ อีกครั้ง ..ดองเค็มจนได้ที่>>

วันนี้มาแนะนำ การเริ่มเขียนต้น Blog กัน (สำหรับมือใหม่ ที่กำลังเริ่มเรียนรู้)

การเขียน Blog ในที่นี้หมายถึง เริ่มต้นเขียนเนื้อหา บทความ เรื่องราวที่เราต้องการจะนำเสนอลงไป ซึ่งปกติแล้วหลังจากที่เราสมัครเป็นสมชิกทำบล็อกกับ www.blogger.com เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ เวลานั้น blogger จะพาเราไปที่หน้า การส่งบทความ (สร้าง) เพื่อที่จะให้เราเขียนเนื้อหาบล็อกเลยทันที ซึ่งเราจะเขียนหรือไม่ก็ได้เช่นกันครับ แต่หลังจากนั้นเมื่อเราได้ sign in หรือเข้ามาใช้งานใน Blog ของเราอีกครั้ง และเราจะโพสต์บทความใหม่ลงไป เราจะทำเยี่ยงไร ..ไปดูกันเลยครับ

อันดับแรก ก็ลงชื่อเข้ามาใช้งาน (Sign in) ตามรูปข้างล่างนี้เลยครับ

  1. พิมพ์ E-mail ที่เราใช้สมัคร
  2. กรอกรหัสผ่านลงไป
  3. คลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้งาน
  4. หากต้องการ เข้าใช้งานครั้งต่อไป ไม่ต้องใส่ E-mail และรหัสผ่าน ก็ให้คลิกที่ [ ] บันทึกข้อมูลของฉัน

หลังจากนั้น จะเข้าสู่หน้า แผงควบคุม ตอนนี้เราจะเขียนบทความใหม่ ก็ให้คลิก ตรงลิงค์ บทความใหม่ ดังรูป

จะเข้าสู่หน้า การส่งบทความ (สร้าง) เพื่อเขียนและแก้ไขเนื้อหาของเราขณะนั้น ซึ่งเราจะเห็นว่าหน้าตามันคล้ายๆ กับโปรแกรมพิมพ์/แก้ไขข้อความทั่วไปเช่น Ms-word คือจะมีส่วนที่ให้พิมพ์ข้อความ ส่วนแก้ไขตกแต่งข้อความ และส่วนแทรกวัตถุอื่นๆ เช่น ภาพ และวิดีโอ

ทีนี้ก็ลงมือเขียน Blog กันได้เลย เริ่มจาก

  1. ตั้งชื่อของเรื่อง ที่เราจะเขียน ลงในช่อง ชื่อเรื่อง :
    ปกติจะสัมพันธ์กับเรื่องที่เราเขียน เช่น Welcome to my blog เนื้อหาคือ แนะนำตัว(บล็อก) เป็นต้น
  2. พิมพ์เนื้อหาลงใน พื้นที่ว่าง(สีขาว) ด้านล่าง
  3. เราสามารถปรับแต่งข้อความที่เราพิมพ์โดยใช้เครื่องมือปรับแต่งที่มีอยู่ เช่น
    - แบบอักษรที่พิมพ์
    - ขนาดตัวอักษร ทำตัวหนา ตัวเอียง
    - ใส่สีให้กับตัวอักษร
    - ปรับข้อความให้ชิดขอบซ้าย-ขวา กึ่งกลาง และเท่ากันทั้ง 2 ด้าน
    - ใส่หมายเลขหน้าหัวข้อ
    - ใส่สัญลักษณ์หน้าหัวข้อ
    - แทรกรูป และ วิดีโอ
    - และลบการจัดรูปแบบ (ที่เราจัดไปแล้ว)
    บทความที่เราเขียน เราสามารถแทรกรูปภาพ หรือวิดีโอลงไปได้ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการแทรกภาพครับ อันดับแรกคลิกที่ปุ่ม เพิ่มรูปภาพ

    - ภาพที่จะใส่ลงไป สามารถเลือกจาก คอมพิวเตอร์ของเราเอง หรือจากเว็บไซต์ใดๆ ก็ได้ โดยการคัดลอกที่อยู่ของภาพ(URL) มาวางในช่อง URL:
    - จากนั้นเลือกรูปแบบ (การจัดวางรูป)
    - และขนาดของภาพที่จะให้แสดงในบล็อก
    - เมื่อเสร็จแล้วให้คลิก อัพโหลดรูปภาพ ซึ่งในการอัพโหลดครั้งแรก Blogger จะให้เรายืนยันการเปิดใช้ อัลบั้มออนไลน์จาก http://picasaweb.google.com/ เพื่อเป็นที่เก็บไฟล์ภาพของเรา
    หลังจากแทรกภาพแล้ว ภาพจะไปอยู่บรรทัดแรกของเนื้อหาเลย ให้ใช้เมาส์ลากภาพนั้นๆ ไปไว้ในตำแหน่งที่ต้องการได้ครับ
  4. ใส่ป้ายกำกับให้กับบทความ (Label) เป็นการจัดกลุ่มของเรื่องที่เราโพสต์ ว่าเรื่องนี้ควรจะอยู่กลุ่มไหน เราจะใช้ประโยชน์จากการใส่ Label นี้ในการที่จะช่วยให้ผู้อ่านหาเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันได้ง่ายขึ้น
  5. เมื่อเราพิมพ์เนื้อหาจนครบถ้วนแล้ว ให้คลิก เผยแพร่บทความ เพื่อนำเนื้อหาขึ้นสู่อินเทอร์เน็ต ไปแสดงให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมกัน

และเมื่อ คลิก เผยแพร่บทความ แล้ว blogger จะบอกว่า เผยแพร่บทความบล็อกของคุณเสร็จสมบูรณ์
หากยังมีบางอย่างต้องแก้ไขเพิ่ม ให้คลิก แก้ไขบทความ และหากต้องการเขียนเรื่องใหม่ต่อเลย ก็คลิกที่ สร้างบทความใหม่

และหากจะดูตัวอย่างบล็อกที่เราเขียนซักหน่อย ก็คลิกที่ ดูบล็อก (ในหน้าต่างใหม่) ซึ่ง blogger จะเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาแสดงเนื้อหาที่เราเพิ่งเขียน+หน้าตาทั้งหมดของบล็อก ...ดังตัวอย่าง

เสร็จเรียบร้อย (หน้าตาสะสสวยเชียว) จะเขียนเรื่องใหม่ต่อ ฤว่าจะออกก็ตามแต่สะดวกหละครับ...

04 พฤษภาคม, 2551

สมัครเป็นสมาชิก Blog อย่างไร

การสมัครสมาชิก Blog จากผู้ให้บริการ

มีบางคนบอกว่า รู้แล้วหละว่าจะเขียน Blog เรื่องอะไรดี แต่ติดปัญหาตรงที่ ไม่รู้ว่าจะเขียนและตกแต่ง Blog อย่างไร วันนี้ก็เลยอยากจะบอกเล่าเรื่องของการเขียน Blog ในเบื้องต้น ว่าก่อนที่เราจะเขียน Blog ได้นั้นเราต้องมีที่ที่ให้เราได้จับจองพื้นที่ที่ใช้ในการเขียน ในการเก็บข้อมูลเนื้อหาของเราก่อนในอินเทอร์เน็ต หรือ เว็บไซต์ผู้ให้บริการเขียน Blog (Blog host) โดย

เราจะต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการเขียน Blog เสียก่อน ซึ่งมีทั้งแบบเสียเงินและแบบลงทะเบียนฟรี ซึ่งเว็บไซต์ผู้ให้บริการพื้นที่เขียน Blog นั้นมีทั้งของไทยและต่างประเทศ ดังที่ได้นำเสนอไปแล้ว

ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการสมัครเป็นสมาชิกจากเว็บไซต์ www.blogger.com ที่ซึ่งมีผู้นิยมใช้กันทั่วโลก และผู้เขียนเองก็ใช้อยู่ด้วย เหตุผลที่เลือกที่แห่งนี้ก็เพราะว่า ง่ายต่อการใช้งาน มีออปชั่นในการใช้งานและการปรับแต่งมากมาย และยังสนับสนุนภาษาไทยด้วย (จากแต่ก่อนที่เขียนภาษาไทยได้เพียงอย่างเดียว ณ เวลานี้แสดงเมนูคำสั่งและคำอธิบายต่างๆ เป็นภาษาไทย ทำให้ผู้ใช้เข้าใจ และใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น)

เว็บไซต์ www.blogger.com มีบริการใช้เราได้เลือกใช้ได้ 2 แบบ คือ แบบบุคคลธรรมดา: ให้บริการพื้นที่ใช้เขียน Blog ฟรี 25 Mb และแบบ VIP ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อใช้บริการเพิ่มเติม ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการสัครสมาชิกแบบธรรมดา ซึ่งมีขั้นตอนการสมัครดังนี้

1. เข้าสู่เว็บไซต์โดยพิมพ์ที่อยู่ www.blogger.com ใน Web Browser
clip_image002

2. เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์แล้ว คลิกที่ปุ่ม สร้างบล็อกของคุณทันที
clip_image004

3. จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 1 การสร้างบัญชี Google ให้ป้อนค่าต่างๆ ดังนี้
clip_image006

a. ที่อยู่อีเมล์ : ให้กรอกอีเมล์แอดเดรสของเราลงไป ถ้ามีอีเมล์ของ Google (gamil) ก็กรอกลงไปได้เลย หากไม่มีก็สามารถใช้อีเมล์อื่นๆ ก็ได้ครับ ...ลองใช้ของ yahoo ดู เอ๊ะ! มันก็เวิร์คแฮะ

b. กรอกอีเมล์เดิม เพื่อยืนยันอีกครั้ง

c. จากนั้น ป้อนรหัสผ่าน(อันนี้เราต้องตั้งเอง ไม่ต้องถามคนข้างๆนะครับ) อย่างน้อย 8 ตัวอักษร

d. ยืนยันรหัสผ่าน(เดิม) อีกครั้ง

e. พิมพ์ชื่อ ที่จะใช้เป็นชื่อลงท้ายบทความที่เราโพสต์ใน Blog (เหมือนเป็นนามปากกาของเรานั่นเองครับ)

f. จากนั้นพิมพ์ ตัวอักษร(พิสูจน์ความเป็นมนุษย์) ที่เราเห็นลงในช่องด้านล่าง

g. และเมื่อเสร็จแล้ว คลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ (อย่าลืมคลิกเช็คบ็อก ข้าพเจ้ายอมรับ ข้อตกลงการใช้บริการ) **ให้อ่านคำอธิบาย ที่กำกับอยู่ให้เข้าใจ ก่อนจะดำเนินการใดๆ

4. เข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ตั้งชื่อเว็บบล็อกของท่าน ซึ่งมีส่วนที่ต้องกำหนด 2 ส่วน คือ
clip_image008

a. ชื่อเว็บบล็อก : เป็นชื่อที่เราจะตั้งให้กับบล็อกของเรา ซึ่งจะแสดง (ที่ส่วนหัวของบล็อก) เป็นข้อความแรกสุดในหน้า Blog ของเรา เช่น Wonderful Life, My Life, Happy time หรืออะไรก็สุดแล้วแต่.. จะเป็นชื่อไทยก็ได้ครับ

b. ที่อยู่บล็อก (URL) : เป็นที่อยู่ที่คนทั่วไปใช้เพื่อเข้ามาชม Blog ของเรา ..ให้พิมพ์หลังคำ http:// ……………หลังจากพิมพ์แล้ว ให้ตรวจสอบดูว่า เราไปตั้งที่อยู่นี้ซ้ำกับที่อยู่ Blog ของใครบ้าง โดยคลิกที่ ตรวจสอบความพร้อมการใช้งาน ...หากที่อยู่นั้นซ้ำ จะปรากฏข้อความดังภาพตัวอย่าง
คือ บอกว่า ที่อยู่บล็อกนี้ใช้ไม่ได้ ...โปรดพิจารณาข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
clip_image009
แต่ถ้าชื่อที่อยู่เราตั้ง ไม่ไปซ้ำกับที่อยู่ Blog ใดๆ ก็จะปรากฏข้อความว่า ..ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้ ดังภาพตัวอย่าง
clip_image010

5. จากนั้นให้คลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ

6. จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 เลือกแม่แบบ (Template)
clip_image011
ซึ่ง แม่แบบ (Template) ในที่นี้ก็เปรียบเหมือน รูปร่างหน้าตาของ Blog เรา หรือสิ่งที่ปรากฏทุกอย่างในหน้า Blog หากเราเลือก แม่แบบ แบบหนึ่ง ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแม่แบบนั้น เช่น สีข้อความ การจัดวางส่วนต่างๆ ของ Blog พื้นหลัง เป็นต้น ให้เราเลือกแม่แบบอันใดอันหนึ่งก่อน ...ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนทีหลังได้ หลังจากทำการสมัครเรียบร้อยแล้ว

7. จากนั้นคลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ

8. เมื่อเสร็จแล้ว ...ก็จะแสดงข้อความว่า บล็อก ของคุณถูกสร้างขึ้นแล้ว ดังภาพ
clip_image013

9. เราจะลองเริ่มต้นเขียน Blog ดู ...โดยคลิกที่ปุ่ม เริ่มต้นการเขียนบล็อก

ก็จะเข้าสู่หน้าจอของการเขียน Blog ดังในภาพ...
clip_image015
เราจะลองเขียนบทความอะไรง่ายๆ ลงไป เช่น การแนะนำตัวเอง โดยทำตามขั้นดังนี้

a. พิมพ์ชื่อเรื่อง : เช่น ยินดีต้อนรับสู่ Blog ของฉัน, Welcome to my Blog หรืออื่นๆ ตามต้องการ

b. จากนั้น พิมพ์เนื้อหาลงในพื้นที่สีขาว(2) ...เนื้อหาตามต้องการ

c. ใช้เครื่องมือปรับแต่ง(3) เบื้องต้น (สังเกตว่าจะคล้ายๆ กับเครื่องมือของโปรแกรม Microsoft word ที่เราเคยใช้เลย)

d. เมื่อพิมพ์ข้อความต่างๆ เสร็จแล้ว ...เราจะทำการเผยแพร่สู่อินเทอร์เน็ต ให้คลิกที่ปุ่ม เผยแพร่บทความ

e. หากเราต้องการดูตัวอย่างงานของเรา ในขณะที่เรากำลังเขียนอยู่นี้ ..สามารถทำได้โดยคลิกที่แท็ปเมนูด้านบน : ดูบล็อก

แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กับการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอเนื้อที่ในการเขียน Blog ในเบื้องต้น จากนั้น หากเราต้องการจะดูหน้าตาของ Blog เราเวลาที่เปิดดูจากโปรแกรมเบราว์เซอร์ ก็สามารถทำได้โดยการพิมพ์ที่อยู่ Blog ของเราลงไปใช่อง Location Bar เช่น http://ชื่อที่อยู่ที่เราตั้ง.blogspot.com แล้วกด Enter

ตัวอย่าง : http://tingtong101.blogspot.com

** โดยสิ่งที่เราพิมพ์ลงไปทั้งหมดนี้ เราเรียกว่า URL ของ Blog : เป็นเหมือนชื่อที่อยู่ที่ตัวเรา หรือผู้ชมจะใช้พิมพ์ใน Location Bar ของโปรแกรมเบราว์เซอร์เพื่อเข้ามาชม Blog ของเรา

สำหรับรายละเอียดอื่นๆ เช่น การเขียนบล็อกในขั้นที่สูงขึ้น การปรับแต่งค่าต่างๆ ของ Blog การใส่ลูกเล่นอื่นๆ จะอธิบายในเนื้อหาต่อๆไป ...แล้วคอยติดตามกันนะครับ

18 มกราคม, 2551

รู้จัก Blog และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Blog

หน้านี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาบทความเก่าที่เคยเขียนตอนแรกๆ เมื่อครั้งเปิด Blog ใหม่ๆ บทความที่เขียนเริ่มมากขึ้น บทความเก่าๆ (และหลายเรื่อง ที่คิดว่ามีประโยชน์) จะถูกดันไปอยู่ด้านล่างทุกครั้งที่โพสต์เรื่องใหม่ ผู้ที่เพิ่งเข้ามาก็เลยมองไม่เห็น จึงหาอ่านไม่ได้ ..เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงได้ทำการรวบรวมบทความทั้งหลายแหล่ที่เกี่ยวกับ Blog เบื้องต้นมาให้อยู่ในหน้าเดียวซะเลย โดยทำเป็นหัวข้อๆ ไว้ เพื่อให้เลือกอ่านกันได้ง่ายขึ้น (ดีมั๊ย?)

บทความที่เกี่ยวกับ Blog เหล่านี้ (คิดว่า ..น่าจะ)เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสนใจในการเขียน Blog และศึกษาหาความรู้จาก Blog ครับ โดยค่อย ๆ ทำความรู้จักกับ Blog ในเบื้องต้นไปก่อน เป็นปูพื้นเรื่อง Blog ในขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ง่ายแก่การเรียนรู้ในขั้นสูงขึ้นต่อๆ ไป

เนื้อหาในเรื่องต่างๆ เหล่านี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และหากเรื่องนั้นๆ ยังมีส่วนเพิ่มเติมอื่นอีก ผมก็ได้พยายามทำเป็นลิงค์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือบล็อกที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาส่วนนั้นได้โดยสะดวกโยธินยิ่งขึ้น

ทีนี่เราก็มาดูกันต่อว่า Blog คืออะไร ..มีประโยชน์และสำคัญอย่างไร ทำไมผู้คนในยุคปัจจุบันจึงให้ความสนใจกันนัก และนับวันจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ Blog สามารถคลิกเลือกได้ดังต่อไปนี้ ครับ

เพิ่มเติม : คำที่เกี่ยวข้องกับ Blog

Blogosphere หมายถึง "โลกแห่งบล็อก" เป็นคำที่หมายรวมถึง คำว่า WebLogs Community และ Social Network เข้าด้วยกัน ซึ่ง Blogosphere หรือโลกของบล็อกนี้ อาจจะเป็นเว็บบล็อก(WeBlogs) ต่าง ๆ  คนเขียนบล็อก (Blogger) ผู้อ่านบล็อก (Blog Reader) ชุมชนของบล็อก(Social Network)ต่าง ๆ และรวมถึงสิ่งต่าง ๆ หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่พูดถึงบล็อก เช่น เรากำลังอ่านเนื้อหาเรื่องนี้ ในบล็อกนี้อยู่ ถือว่าเราเป็นคนหนึ่งที่อยู่ใน Blogosphere เช่นกันครับ

07 ธันวาคม, 2550

iGoogle คืออะไร

iGoogle หรือแรกเริ่มเดิมที ชื่อว่า Google homepage หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ

Google Personalized Home Page ซึ่งเป็นบริการหน้า Home Page ฟรีของ Google ที่ให้เราเลือกเนื้อหาต่างๆ ต่อไปนี้มาวางได้ เช่น ข่าว เกม RSS จากเว็บไซต์หรือ Blog ที่เราต้องการทราบข้อมูลข่าวสารอยู่เป็นประจำ และฟีเจอร์พิเศษที่เราสามารถปรับแต่งและใส่เนื้อหาได้เอง ที่เรียกว่า Gadgets เช่น เราสามารถจะใส่รูปแบ่งให้คนอื่นดู แสดงวีดิโอจาก YouTube Video หรืออาจจะแสดงปฏิทิน พยากรณ์อากาศ นาฬิกาบอกเวลาและวันที่ และอื่นๆ ตามที่เราต้องการ :-)

iGoogle ก็เหมือนกับหน้าเว็บไซต์ Google (ที่ใช้สำหรับค้นหาข้อมูล)แต่ว่าเป็นหน้าของเราเอง(i ก็ฉันไง!) ซึ่งไม่ได้มีไว้เพียงแค่ค้นหาเพียงอย่างเดียว แต่เราสามารถปรับแต่งหน้านั้นอย่างไรก็ได้ แล้วแต่เราพอใจ คือนอกจากที่เราจะสามารถเลือกเนื้อหามาแสดงได้แล้ว รูปร่างหน้าตาของเจ้าเว็บ iGoogle เราก็สามารถปรับแต่งได้ด้วย เช่น เราชอบใช้ภาษาไทย เราก็ให้มันแสดงเป็นภาษาไทยได้ เปลี่ยนธีม(Theme) หรือรูปร่างหน้าตาทั้งเว็บได้ด้วย

นอกจากนั้น iGoogle ยังเปิดให้ใช้ Theme ของ U.S. ได้ และปัจจุบันก็สามารถใช้งานกับภาษาต่างๆ ได้ทั่วโลกถึง 117 ภาษาเลยทีเดียว ซึ่งในการปรับแต่งต่างๆ นั้น เราต้องมีบัญชีของ Google หรือ Gmail ก่อนนะครับ

อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ต้องลองใช้เองแล้วหละครับ ซึ่งสามารถคลิกผ่านลิงค์ในบล็อกนี้ เข้าไปสมัครใช้บริการได้เลยครับ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

เรื่องน่ารู้อื่นๆ เกี่ยวกับ iGoogle (ต่างประเทศ)

Blog อื่นที่เกี่ยวข้อง (ไทย)

IceRocket Tags: ,

07 ตุลาคม, 2550

อ้างอิงอย่างไร? ให้ถูกใจและถูกต้อง

การอ้างอิง คืออะไร? แล้วทำไมต้องอ้างอิงด้วยหละ! เราคงไม่ต้องอ้างอิงก็ได้ครับ ...หากเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ คือ การที่เราได้ไปเห็น ได้ไปอ่านและรับรู้ Entry(การบันทึก การจดบันทึก) เรื่องใดเรื่องหนึ่ง จากเว็บไซต์หรือบล็อกที่ใดที่หนึ่งของชาวบ้านเค้า แล้วเราเกิดถูกใจ หรืออาจจะแคลงใจ(ตะหงิด ตะหงิด)ก็ได้ แล้วอยากจะเอามาพูดต่อ ขยายความต่อในเรื่องเดียวกันในบล็อกของเรา

<< ความจริงในเรื่องของวิธีการศึกษาในปัจจุบัน ก็คือ สิ่งที่เราเรียนรู้กันอยู่ทุกวันนี้ ความรู้ที่เราได้รับรู้มานั้น เกิดจากการถ่ายทอดต่อกันมาเป็นทอดๆ จากผู้ที่ค้นพบ ผู้คิดค้น ผู้ที่รู้ก่อน ดังนั้นการอ้างอิงในสิ่งที่เรารับรู้มาจากผู้อื่น จึงเป็นเรื่องของมารยาท ที่เราจะต้องให้เกียรติกับผู้ค้นพบความรู้นั้นๆ และอีกอย่าง ยังเป็นการแสดงถึงการเป็นคนที่ยอมรับในกติกาที่ว่า "ถ้าอ้างอิงต้องบอกแหล่งที่มา การบอกถึงแหล่งที่มา เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ทำให้ผู้อ่านสามารถตามไปค้นถึงต้นตอ และดูในรายละเอียดได้ต่อไปได้" >>

แหล่งข้อมูลจาก : วิจัยน่ารู้ และการจัดการความรู้

ทีนี้มาพูดเรื่องการอ้างอิงในบล็อกเราต่อ ..เมื่อใดก็ตามที่เราได้เข้าไปอ่านเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในบล็อก/ไซต์คนอื่น แล้วเกิดอยากจะเอามาพูดหรือขยายความต่อในเรื่องนั้นๆ ด้วย เราก็ต้องให้เครดิต(ให้เกียรติ)เค้าผู้เป็นเจ้าของเรื่อง ตามมารยาทของบล็อกเกอร์ที่ดี

วิธีการดังนี้ ครับ

  1. ทำลิงค์(Link) ไปยังบทความเรื่องนั้น โดยตรงเลยครับ วิธีนี้ทำได้ในขณะที่เรากำลังเขียนบทความอยู่ เราก็ทำลิงค์เชื่อมโยงออกไปตามปกติ เหมือนตัวอย่างข้างบนนี้เลยครับ และการทำลิงค์ไปยัง Entry นั้นๆ ควรจะเป็นลิงค์ของ Entry นั้นโดยตรง หรือที่เรียกกันว่า Permalink(ลิงค์ถาวร) คือเป็นลิงค์ที่ไปยังหน้านั้นๆ จริงๆ ไม่ใช่ไปหน้าแรกของบล็อก
  2. ใช้ Trackbacks อันนี้จะใช้ได้กับบล็อกที่สนับสนุน Trackbacks นะครับ ของ Blogger เองยังไม่สนับสนุนเลยครับ (อือ ..เศร้า!) แต่มีวิธีอื่น ใช้ทดแทนกันได้ ..เดี๋ยวจะพูดต่อทีหลังครับ
    แล้วเจ้า Trackbacks เนี่ย มันคืออะไร? อย่าเพิ่งงงครับ มันคือ "เป็นโมดูล แสดงส่วนอ้างอิง" ครับ เช่น กรณีที่มี Entry หรือเนื้อหาของบล็อกอื่น อ้างอิงถึงเนื้อหาของเรา เจ้าของบล็อกจะสามารถทราบได้ว่า มีผู้เขียนบล็อกคนใดได้นำ Entry ของเราไปอ้างอิงที่ใดบ้าง โดยดูได้จากส่วน Trackbacks ตรงนี้แหละครับ
  3. ใช้ Blog it ใน Windows Live Space จะมีเมนูพิเศษแบบนี้อยู่ เพื่อใช้ในเวลาที่เราจะพูดถึงบล็อกที่เราเอาเนื้อหาเค้ามาขยายความต่อ ขณะที่เราอ่านเนื้อหาเรื่องนั้นอยู่ เราก็คลิกที่แถบ Blog it ได้เลยครับ ..แล้วหน้าจอก็จะโหลดมายังโหมดแก้ไขในสเปซของเรา โดยมีการตั้งชื่อเรื่องให้ และสร้างลิงค์(ให้เครดิต)ไปยังบทความต้นฉบับให้เรียบร้อย (ถ้าเป็น Msn space รุ่นก่อนหน้านั้น จะมาทั้งเนื้อหาทั้ง Entry ทุกอย่าง เลยหละ)

เพิ่มเติม...

วิธีเก็บ Permalink หรือลิงค์ถาวร ทำง่ายๆ ดังนี้

  1. คลิกขวา ตรงชื่อบทความ ..จะมีเมนูฉลาดเปิดขึ้นมา
  2. เลื่อนเมาส์ลงมา คลิกที่ Copy Link Location (ใน Firefox) ใน IE6 ทำขั้นตอนเดียวกัน แต่คลิกที่ Copy shortcut หรือจะคลิกที่ ชื่อบทความ เลยก็ได้ครับ และใน Opera คลิกที่ Copy link address ครับ
  3. ทีนี้เราก็จะได้ลิงค์ถาวรของ Entry นั้นจริงๆ เลย และเอาไป Paste ลงในลิงค์ที่เราจะเชื่อมโยงไปได้เลยครับ

Trackbacks ของ Blogger ยังไม่มีให้ใช้ ..เราก็ใช้คำสั่งอื่นแทนได้ ดังนี้ครับ

  1. ท้าย Entry ของทุกบทความจะมีส่วนที่ชื่อว่า Links to this post หรือ ลิงก์ไปยังบทความนี้ ให้คลิกตรงนั้นได้เลยครับ
  2. เสร็จแล้วจะเปิดหน้าใหม่ ในโหมดแก้ไขบทความ พร้อมมีลิงค์สำหรับโยงไปยังบทความต้นฉบับให้เรียบร้อย โดยลักษณะการทำงานจะคล้ายๆ กับ Blog it ใน Windows Live Space เลยครับ

สรุป

หากเราทำถึงขนาดนี้แล้ว เค้าคงไม่มาว่าเราแล้วนะครับว่า เราไปคัดลอกเนื้อหาเค้ามา ก็อุตส่าห์ให้เกียรติ ให้เครดิตไปแล้วขนาดนั้น ..แล้วเค้า(เจ้าของ Entry ต้นฉบับ)จะไม่ถูกใจเลยสักนิดเลยหรือกระไร ? คงเป็นไปไม่ได้หละมั๊ง! ใช่ไหมครับ??

02 ตุลาคม, 2550

มือใหม่ ..จะเริ่มต้นทำ Blog อย่างไรดี

How to Start Your Basic Blog
สำหรับนักอ่าน Blog ผู้ที่กำลังสนใจการเขียน Blog และกำลังคิดจะกลายมาเป็นนักเขียน Blog ในอนาคตอันใกล้นี้ เนื้อหาในบทความนี้อาจจะช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจและทำ Blog ในเบื้องต้นได้
มาเริ่มกันเลยครับ …
1. ตัดสินใจให้ได้ว่า เราจะเขียน Blog เกี่ยวกับเรื่องอะไร ซึ่งบล็อกที่ดี จะเขียนโฟกัสในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ อย่างชัดเจน เราอาจจะเขียนนอกเรื่องได้ในบางครั้ง แต่ผู้อ่านบล็อกของเราเขาก็ต้องการที่จะรู้ว่าบล็อกเราเป็นประเภทไหนกันแน่ เมื่อเขาเข้ามาอ่านเนื้อหาในบล็อกของเรา ...มี Blog ประเภทต่างๆ จำนวนมาก นี่คือตัวอย่างบางส่วน (Blog ต่างประเทศ ครับ)


เมื่อดูตัวอย่างแล้ว เกิดแรงบันดาลใจ แล้วทีนี้เราก็ไปเลือก Blog Host ที่เราสนใจ แล้วก็สมัครใช้บริการทำ Blogได้เลยครับ ...อย่ามัวรีรอ
2. ให้สัญญากับตัวเอง ว่าจะเขียน Blog ให้ได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นอย่างน้อย ยิ่งเราโพสต์เนื้อหาบ่อย ผู้อ่านที่เข้ามาอ่าน Blog เราบ่อยๆ ก็จะมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าเค้าเข้ามาแล้ว เห็นมีเนื้อหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกครั้ง เค้าก็จะยิ่งเข้ามาอ่านบ่อยๆ แต่ตรงข้ามกันหากเข้ามาแล้ว เห็นแต่เรื่องเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ...เค้าก็คงไม่อยากจะเข้ามาอีกเป็นแน่แท้ (เรื่องนี้ผมก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ โดยเฉพาะกับ Blog ของตัวเองเวลาที่ไม่ได้อัพเดทนานๆ ...รู้สึกเกรงใจผู้อ่านจริงๆ!!)
3. ลงทะเบียนเช่า Blog Hosting ถ้าเราคิดว่าจำเป็น แต่สำหรับผม ชอบง่ายๆ และก็ฟรี ครับ บางคนอาจจะบอกว่าอยากได้ที่มันเจ๋งๆ กว่านี้ ก็อาจเลือก Account อื่น เช่น Typepad, Movable Type ซึ่งอาจได้ฟีเจอร์ที่มากกว่า แต่ก็ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายที่จ่ายไป ครับ
4. ให้ผู้อ่านสามารถคอมเมนต์ได้ และทำให้หน้า Blog ถูกค้นพบจาก Search engines ได้ง่ายขึ้น ถ้าเราใช้ Blogger มีตัวเลือก 2 แห่ง ที่เราจะปรับแต่ง : คือ

I. ในหัวข้อ เก็บเข้าคลังบทความ : คลิก “ใช่” เพื่อ เปิดใช้หน้าบทความ (เหตุผลก็คือ หน้าบทความจะมีหน้าเฉพาะของตัวเอง สำหรับแต่ละบทความ นอกเหนือจากที่ปรากฏในหน้าแรกในบล็อกของเรา) ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านค้นหาเนื้อหาที่เราโพสต์ได้ง่ายขึ้น เมื่อเขาเจาะจงค้นหาเป็นเรื่องๆไป
ในหัวข้อ ข้อคิดเห็น : คลิก “ท่านใดก็ได้” เพื่อให้ใครก็ได้สามารถแสดงความคิดเห็นได้ หากเราต้องการที่จะกระตุ้นให้ผู้อ่านแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่เราโพสต์ ในหัวข้อ เปิดใช้การดูแลความคิดเห็นหรือไม่ ให้เลือก “ใช่” เพื่อแสดงคำ ตรวจสอบการเป็นมนุษย์(Word Verification) เพื่อป้องกันspammers หรือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ (Robot) จากการคอมเมนต์ ใน Blog เรา

 
II. ในหัวข้อ ฟีดของไซต์ ให้เลือก แบบเต็ม เพื่อจัดส่งเนื้อหาของบทความแบบเต็ม เลือก แบบสั้น ถ้าคุณต้องการจัดส่งเนื้อหาเฉพาะย่อหน้าแรก หรือประมาณ 255 ตัวอักษร ให้ผู้อ่านสามารถรับฟีดบทความของเราจากที่ต่างๆ ได้


5. อนุญาตให้ผู้อ่านได้ลงชื่อ บอกรับเป็นสมาชิก เพื่อรับบทความทางอีเมล์ (เราอาจจะวางไว้ด้านซ้ายมือ หรือขวามือ ด้านบน มุมใดมุมหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ ใน Blog ของเรา) ซึ่งเราอาจจะเขียนว่า "Enter your email to subscribe" ... กรอก อี-เมล์ ของคุณที่นี่ เพื่อรับบทความเยี่ยมๆ (อันนี้พูดเอง) อัตโนมัติ ฟรีจากเรา
ซึ่งวิธีการนั้น เราอาจจะไปสมัครจากผู้ให้บริการ (Subscribe) รายใดก็ได้ เช่น Feedblitz (เจ้านี้ ฟรี นะครับ) เมื่อสมัครเรียบร้อย เราก็จะได้ Code (อาจเป็น HTML หรืออะไรก็ตาม) มาอันหนึ่ง แล้วเอามาวางตรงมุมใดมุมหนึ่งใน Blog ของเรา
6. แสดงรายชื่อ Blog ที่เราชอบ หรือที่เราเข้าไปดูบ่อยๆ (ซึ่งเราอาจจะวางไว้ใน Sidebar ด้านซ้ายหรือด้านขวาก็แล้วแต่ชอบ ครับ) ซึ่งส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของการเขียน Blog ก็คือ การที่เราเชื่อมโยงผู้อ่านของเรา ด้วย Blog อื่นๆ ซึ่งเขาอาจจะสนใจ และในขณะเดียวกัน เราก็หวังว่า Blogger คนอื่นๆ จะติดต่อกับผู้อ่านของเขา โดยเชื่อมโยงมายัง Blog ของเราเช่นเดียวกัน
วิธีการนั้น หากเราใช้ Blogger ให้ทำตามขั้นตอน ดังนี้

  1. ล็อกอินเข้าสู่ บัญชี Blogger ของเรา
  2. ในหน้า Dashboard (แผงควบคุม) ให้คลิกหัวข้อ รูปแบบ
  3. คลิก เมนู เพิ่มองค์ประกอบของหน้า
  4. หน้าต่าง เพิ่มองค์ประกอบของหน้าใหม่จะเปิดขึ้นมา ในหัวข้อ รายชื่อลิงค์
  5. คลิก เพิ่มในบล็อก
  6. หน้าต่าง ตั้งค่ารายชื่อลิงค์ จะเปิดขึ้นมา
  7. ตรงหัวข้อ หัวข้อ(1) ให้ ตั้งชื่อว่า My Favorite Blog, Blog Roll, Blog เพื่อนบ้าน หรืออะไรก็ได้ แล้วแต่ชอบ ครับ
  8. ใส่จำนวนลิงค์ ที่จะให้แสดง ใน จำนวนลิงค์ที่จะแสดงในรายการ (2) ...เว้นว่าง จะแสดงทั้งหมด
  9. เลือก การเรียงลำดับ (3)
  10. ใส่ URL ของ Blog ที่เราจะลิงค์ไป ใน URL ของไซต์ใหม่ (4)
  11. ใส่ชื่อ Blog ที่เราจะลิงค์ไป ใน ชื่อเว็บไซต์ใหม่ (5)
  12. คลิก บันทึกการเปลี่ยนแปลง
  13. เสร็จแล้วจะกลับมาที่หน้า เทมเพลต จะเห็นป้ายชื่อ???? ที่เราตั้ง ปรากฏขึ้น ให้
  14. ใช้เมาส์ ลากไปไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ เป็นอันเรียบร้อย
ในการเพิ่มลิงค์นี้ เราสามารถเพิ่มได้เท่าไรก็ได้ เท่าที่เราต้องการ แต่อย่าให้มากไปจนมองดูแล้วเวียนหัว ตาลายหละกัน ครับ
7. ติดตั้งตัวนับสถิติผู้เยี่ยมชม (Stat Counter) เราอาจต้องการเห็นว่ามีผู้เข้ามาอ่าน Blog ของเรามากน้อยเท่าไหร่ และพวกเขามาจากที่ใดบ้าง (Site/Blog ใดที่ลิงค์มา) ซึ่งเราอาจจะขอบคุณเค้าทีหลัง ที่ได้แนะนำ และทำลิงค์มายัง Blog เรา มี Free counter sites จำนวนมากที่ให้บริการให้เรา เอาตัวนับสถิติมาติด และนี่คือตัวอย่าง ที่เราสามารถสมัครใช้บริการได้ ครับ
http://www.statcounter.com/
http://www.sitemeter.com
http://www.google.com/analytics/
วิธีการนั้น ง่ายๆ แค่เราเข้าไปลงทะเบียนสมัครใช้บริการ และเมื่อสำเร็จก็จะได้ Code มา เสร็จแล้วก๊อปปี้มาวางใน Blog ของเราในส่วน เทมเพลต หัวข้อ เพิ่มองค์ประกอบของหน้า ...เลือกวางได้ในตำแหน่งที่เหมาะสม
8. เมื่อเริ่มต้นเขียนเนื้อหาบทความ ให้แน่ใจว่าในบทความของเราจะมีลิงค์(ที่คลิกได้)ที่เชื่อมโยงไปยังไซต์/บล็อกอื่นรวมอยู่ด้วย วิธีทำลิงค์ใน Blogger นั้นทำได้ง่ายๆ ดังนี้
  • ทำไฮไลท์ข้อความที่เราต้องการจะทำลิงค์ออกไป จากนั้น
  • คลิกไอคอนที่คล้ายๆลูกโลก+โซ่ ที่อยู่ส่วนบนของแถบเครื่องมือ Post Editor (เขียนเนื้อหา) ของ Blogger
  • พิมพ์ URL ของไซต์/บล็อกที่เราต้องการจะทำลิงค์ไป แล้วคลิก OK
ถ้าเราต้องการจะเพิ่มรูป ลงในเนื้อหาด้วย
  • ก็คลิกที่ไอคอนชื่อว่า เพิ่มรูปภาพ
  • คลิก Browse เพื่อค้นหารูปจากคอมพิวเตอร์ของเรา เลือกรูป หรือจะเพิ่มจาก ไซต์/บล็อกอื่นก็ได้ โดยกรอก URL ของรูปภาพนั้นในช่อง เพิ่มรูปภาพอื่น URL [……………]
  • เสร็จแล้วกำหนดขนาดของรูปที่จะให้แสดงใน Blog มี 3 ขนาดให้เลือก คือ เล็ก กลาง และใหญ่
  • จากนั้นเลือก จะให้จัดภาพไว้ส่วนใดของหน้า คือ ชิดซ้าย กลาง ชิดขวา หรือไม่มี
  • เสร็จแล้ว คลิก อัพโหลดรูปภาพ …เป็นอันเสร็จ ครับ
9. เพิ่ม Tag ให้กับเรื่องที่เราเขียน ในส่วนท้ายของเนื้อหา การเพิ่ม Tag จะทำให้ผู้คนสามารถค้นหาเรื่องที่เราเขียนได้ง่ายขึ้นจาก Blog Search Engines เช่น Technorati ตัวอย่างเช่น ในตอนท้ายของบทความนี้ เราจะเห็นคำ ข้อความ สั้นๆ ซึ่งเราสามารถคลิกเข้าไปได้ และจะพบกับเนื้อหาเรื่องเดียวกันจาก Blog อื่นๆ ใน Technorati ที่ใช้ Tag คำเดียวกันกับของเรา
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเรื่องการเพิ่ม Tag ได้ที่ คำอธิบายเกี่ยวกับการเพิ่ม Tag
10. ทีนี้ก็ทำให้ Blog Search Engines ต่างๆ รับรู้ว่าเราได้อัพเดทเนื้อหาใหม่แล้ว อีกครั้ง ซึ่งมี Blog/Site ต่างๆ ที่ให้บริการเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น Ping-O-Matic Technorati Pingoat
วิธีการนั้น เราก็เข้าไปลงทะเบียนลงชื่อ Blog ของเรา ทีนี้เวลาที่เราเขียนเนื้อหาเรื่องใหม่และโพสต์เรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าไปที่ Blog ที่ให้บริการที่เราได้ลงทะเบียนไว้ และสั่งให้มัน Ping ไปที่ Blog Search Engines ต่างๆ ด้วย ...ขอบคุณมาก
11. เข้าไปอ่าน Blog อื่นๆ ของชาวบ้านบ้าง เช่นเราอาจจะไปสมัครกับ Bloglines ซึ่งเราก็จะเห็นว่า Blogger คนอื่นๆ เค้าพูดถึงเรื่องอะไร ต่างๆ สารพัดใน “Blogosphere” ทำให้เราได้รับรู้เรื่องต่างๆ ใหม่ๆ เป็นข้อมูลที่อาจจะนำมาเขียนใน Blog ของเราในเรื่องต่อๆไป ก็ได้
12. สุดท้าย ก็ “มีความสุขกับการเขียนบล็อก” ทุกๆ คน ครับ
หากอ่านมาตั้งแต่ต้น จนจบ เนื้อหามันช่างมากมาย ชวนให้งวยงงนัก ..ก็ขอสรุปย่อๆ สั้นๆ ดังนี้ครับ
  1. เลือก Blog Host ที่จะสมัครลงทะเบียนทำ Blog เจ้าไหนก็ได้ที่เราพอใจ
  2. และลงมือเขียนเนื้อหา บทความลงไป
  3. ปรับแต่งให้เป็นที่พอใจ
  4. เผยแพร่ บอกต่อ ให้ชาวโลกได้รับรู้ ว่าเรามีตัวตนอยู่จริง
แค่นี้ คงจะเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นทำ Blog ของนักเขียน Blog มือใหม่ที่กำลังสนใจที่จะเขียน Blog ขึ้นมาซักที่หนึ่ง และที่อื่นๆ อีกต่อไป
Source: How to Start Your Basic Blog.
43 Things Tags: มือใหม่ เริ่มต้นทำ Blog

02 กันยายน, 2550

ง่ายๆ กับการใช้ Shortcuts key ระหว่างโพสต์ Blogger

ฉันสามารถใช้ คีย์ลัด ในระหว่างโพสต์ข้อความใน Blogger ได้มั๊ย?

คำตอบ...ก็คือ "ได้ครับ ได้อย่างแน่นอน" เพราะ Blogger ได้เตรียมความสะดวกนี้ให้เราอยู่แล้ว ในขณะที่เราเขียนเนื้อหาบทความอยู่ ในหน้าต่าง สร้างบทความ(Create Post) ซึ่งมีอยู่หลายคำสั่งด้วยกัน

แต่ เดี๋ยวก่อน! ..ทำความรู้จักกันก่อนในเบื้องต้น ก่อนจะถลำลึกกว่านี้ อิ อิ!

Shortcuts Key หรือ Keyboard shortcuts คืออะไร?

ถ้าแปลเป็นภาษาไทย ก็คือ คีย์ลัด หรือ(คีย์)ทางลัด มั๊ง!(เอ๊ะ อย่างไง) ถ้าจำไม่ผิด แต่ส่วนใหญ่เราก็มักจะพูดกันติดปากว่า ชอร์ทคัท(Shortcut) หรือไม่ก็ คีย์ลัด นั่นหละ ...ง่ายๆ สะดวกดีนักแล

แต่ถ้าแปล แบบอรรถาธิบาย ก็อาจบอกได้ว่า เป็นการกดปุ่มบนแป้นพิมพ์ (คีย์บอร์ด) ปุ่มใดปุ่มหนึ่ง หรือหลายปุ่ม เพื่อใช้แทนบางคำสั่งในการใช้งานโปรแกรมต่างๆ บนวินโดวส์ ครับ เพราะบางที รู้สึกว่ามันสะดวกกว่าการใช้เมาส์มาก ..มือเราก็อยู่ใกล้ๆ แป้นพิมพ์อยู่แล้ว (แบบนี้ พอจะเข้าใจนะครับ?)

ทีนี้มาดูกัน ว่ามีคำสั่งใดบ้างที่สามารถใช้ชอร์ทคัท หรือคีย์ลัด ได้

  • ปุ่ม Control + b = ทำตัวหนา (Bold)
  • ปุ่ม Control + i = ทำตัวเอียง (Italic)
  • ปุ่ม Control + l = ทำ Blockquote (ใช้ได้ในโหมด HTML เท่านั้น)
  • ปุ่ม Control + z = ยกเลิกสิ่งที่ทำไป (Undo)
  • ปุ่ม Control + y = ทำซ้ำที่ยกเลิกไป (Redo)
  • ปุ่ม Control + shift + a = ทำลิงค์เชื่อมโยงไป... (Link)
  • ปุ่ม Control + shift + p = ดูตัวอย่าง (Preview)
  • ปุ่ม Control + d = บันทึกแบบร่าง (Save as Draft)
  • ปุ่ม Control + p = เผยแพร่เนื้อหา (Publish Post)
  • ปุ่ม Control + s = บันทึกอัตโนมัติ (Autosave and keep editing)
  • ปุ่ม Control + g = แปลเป็นภาษาฮินดู มั้ง! ไม่แน่ใจครับ (Hindi transliteration)

ปล. จะใช้ได้ดีกับเบราว์เซอร์ Internet Explorer 5.5+/Windows และ Mozilla family (1.6+ and Firefox 0.9+) และอาจทำงานได้ดีกับเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ ด้วยก็ได้ ครับ อันนี้ต้องทดลองใช้ดู ..นะครับ

..บางคำสั่งก็คล้ายๆ กับที่เราใช้งานโปรแกรมทั่วๆ ไป หรือโปรแกรม Ms-Office ทั้งหลาย ที่เราคุ้นกันดีนั่นแหละครับ

Technorati Tags:

30 สิงหาคม, 2550

ตัวช่วย ...ในการเขียนบทความ(โพสต์) ลง Blog

พูดถึงเรื่องต่างๆ มาก็มากแล้ว จนเกือบลืม จุดประสงค์หลักของ Blog ตัวเอง นั่นคือ "พูดถึง Blog แบบพื้นๆ ..และเรื่องไอทีทั่วไป" เวลานี้มันไม่ค่อยจะพื้นแล้วหละเนี่ย เนื้อหาชักจะเป็นวาร์ไรตี้ ไปทุกทีแล้ว

วันนี้จึงอยากย้อนกลับไปที่จุดหมายเดิม ...ขอพูดถึงเรื่องพื้นๆ ครับ

ในการเขียน Blog (เขียนเนื้อหาลงบล็อก) นั้น หากจะให้ดี ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถหยิบฉวยมาใช้ได้ในยามจำเป็น จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ผมจะพูดถึง คือ Software โปรแกรมต่างๆ ...ซึ่งก็ไม่มากมายอะไร บางตัวมีอยู่แล้วในคอมพิวเตอร์ของเรา หรือถ้าไม่มีก็ติดตั้งเพิ่มเข้าไปได้

สำหรับผมแล้ว ตัวช่วยเขียน Blog ควรจะมีต่อไปนี้

  1. โปรแกรม Notepad
    มีอยู่แล้วในเครื่อง ...เป็นที่พักข้อความที่เราคัดลอกมา หรือใช้สำหรับแก้ข้อความง่ายๆ ที่ไม่ต้องมีรูปแบบใดๆ เช่น โค๊ด HTML, JavaSpript เป็นต้น
  2. โปรแกรมเขียนเว็บไซต์ ตกแต่งเว็บไซต์
    ซึ่งบางทีการแก้ไขบล็อกที่เกี่ยวกับ Html, Xml หรือโค๊ดอะไรต่างๆ เราอาจจะไม่มีความรู้ หรือรู้ไม่แจ่มแจ้งนัก เราก็ใช้โปรแกรมเหล่านี้ช่วย Generate (คือแปลงเป็นโค๊ดHtml หรือ ฯลฯ)โค๊ดให้โดยอัตโนมัติ เช่น เราจะสร้างตาราง เราก็เข้าโปรแกรมผวกนี้ สร้างง่ายๆ เหมือนกับที่เราทำใน Ms-Word เสร็จแล้วก็คัดลอกโค๊ด หรือไม่ก็คัดลอกตารางเลยก็ได้ มาวางใน Blog อีกทีหนึ่ง ตัวอย่างโปรแกรมเหล่านี้ เช่น โปรแกรม Macromedia Dreamweaver, Microsoft Frontpage, HomeSite หรือแล้วแต่จะสะดวกหามาใช้ได้
  3. โปรแกรมตกแต่งรูปภาพ/แก้ไขภาพ
    สำหรับรูปภาพที่นำมาใช้ใน Blog อาจมีการปรับแต่งเบื้องต้นก่อนนำมาใช้ประกอบใน Blog เช่น ลดขนาดภาพ ปรับความละเอียดให้น้อยลง (ความละเอียดของภาพมาก จะมีผลกับการโหลดหน้าเว็บฯ อาจจะช้ามากขึ้น) ปรับโหมดสี หรือแก้ไข ปรับแต่งอย่างอื่น ก็ต้องอาศัยโปรแกรมเหล่านี้ช่วย ...ที่ขอแนะนำ ก็เช่น
    - Paint โปรแกรมวาดภาพ จัดการภาพแบบพื้นสุดสุด ใช้งานง่ายๆ แต่สามารถใช้ได้ในยามฉุกเฉิน
    - Adobe Photoshop จะเป็นรุ่นไหนก็ได้ ใช้ตกแต่งภาพเพื่อประกอบบล็อกที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง ปัจจุบันจะมีโปรแกรมแถมมาให้อีก 1 ตัว ชื่อว่า ImageReady ที่ใช้ตัดแบ่งภาพ สร้างปุ่ม สร้างภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ
  4. โปรแกรมแปลภาษา/ดิกชันนารี่
    สำหรับทำบล็อกภาษาต่างประเทศ โปรแกรมเหล่านี้สามารถช่วยได้ในเบื้องต้น ...ที่ผมใช้อยู่ก็มี
    - โปรแกรมแปลอังกฤษเป็นไทย (Ms-Word ก็ช่วยได้)
    - โปรแกรมแปลไทยเป็นอังกฤษ ...อันนี้แล้วแต่จะหามาใช้ ครับ
  5. หรืออื่นๆ หากหามาได้

พื้นๆ ก็คงจะมีแค่นี้ครับ หากมีตัวช่วยเหล่านี้แล้ว เราก็บรรเลงเพลงเขียนบล็อกให้หายบ้า ได้เลยครับ (ถ้าไม่เขียน จะบ้า!! หะ หะ ...ล้อเล่น) ...ไม่รู้คุณผู้ชมใช้ตัวช่วยอะไรบ้าง ใครมีของดีกว่านี้ ก็แนะนำกันได้นะครับ ไม่คิดตังค์ครับ :-)

27 สิงหาคม, 2550

Blogger เก็บรูปที่เราโพสต์ในบทความไว้หนใด..?

ใครเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ...เวลาที่เราแทรกรูปในเนื้อหาบทความลงใน Blogger ของเรานั้น แล้วรูปภาพเหล่านั้นจะถูกนำไปเก็บ ณ ที่แห่งใด ทั้งที่พื้นที่เขียน Blog ของ Blogger ก็ใช่ว่าจะมีมากมายนัก

เอ๊า คิด คิด ...มันน่าจะมีที่เก็บภาพของบล็อกอย่างเดียว เป็นแน่แท้ ? คำถามในใจนี้ ก็ได้รับการตอบ เมื่อเวลาผ่านไป ...เมื่อผมได้ดาวน์โหลดโปรแกรมดู/แสดง/จัดการภาพ(เบื้องต้น)ตัวหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Picasa ครับ ซึ่งเจ้าโปรแกรมตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของ Google ด้วย เอามาลองติดตั้งในเครื่องคอมฯของตัวเอง และทดลองใช้ ใช้ไปใช้มา(จริงๆ ก็ใช้อยู่ที่เดิมนั่นหละ) ก็รู้ว่ามันมีคุณสมบัติในการอับโหลดภาพขึ้น Web Album ที่ชื่อว่า image ได้ด้วย ด้วยปุ่มเพียงปุ่มเดียว ดังรูปครับ

picasa-0

ซึ่งในการอับโหลดครั้งแรก โปรแกรมจะให้ลงทะเบียนครับ และให้เราเลือกว่าจะ


  • ใช้บัญชีที่มีอยู่แล้วของ Google เช่น Gmail, Google Groups, Google Alerts หรือ Froogle Shopping List หรือ
  • สร้างบัญชี(Google)ใหม่ บัดเดี๋ยวนั้น
เมื่อเข้าเว็บไซต์มาแล้ว หน้าตาของโปรแกรม ก็จะคล้ายกับภาพ ด้านล่างนี้ครับ ซึ่งเมื่อครั้งที่ผมเปิดเข้าไปครั้งแรก ก็ไปเจอกับภาพที่ตัวเองเคยโพสต์ไว้ใน Blogger มานานแล้วนั่นเอง

picasa-1


(คลิกที่ภาพ เพื่อขยาย เป็นขนาดปกติ)


ในการที่จะใช้ Picasa Web Albums ได้นั้น Google บังคับว่าเราจะต้องใช้บัญชีอีเมล์ของ Google Account เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะ เราสามารถที่จะไปใช้บริการ (Services) ต่างๆ ของ Google ได้อีกหลากหลายด้วย Email address และ password เพียงอันเดียว ...พูดง่ายๆ ก็คือ แค่มี gmail เพียงบัญชีเดียว ก็สามารถนำไปใช้กับบริการของ Google ได้ทุกอย่าง แบบ All in one เลย


ทีนี้มาดูว่า เจ้า Picasa Web Albums นี่ มันเป็นอย่างไร มีความสามารถเยี่ยงไรบ้าง ...

What is Picasa Web Albums?

Picasa Web Albums เป็นฟีเจอร์(Feature ; หน้าตา ลักษณะเฉพาะ) ใหม่ล่าสุดของเจ้าโปรแกรม Picasa ออกแบบขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถโพสต์ และแชร์รูปภาพได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายบน Web/Blog

ด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ต่อไปนี้ :


  • พื้นที่ฟรี สำหรับเก็บรูปภาพที่เราโพสต์ ถึง 1GB หรือจุได้ประมาณ 4,000 ภาพ ปรับปรุงใหม่ ครับ เมื่อก่อนได้น้อยกว่านี้
  • ภาพที่มีความละเอียดสูง โปรแกรมจะปรับขนาดให้พอดีอัตโนมัติ เพื่อแสดงบนพื้นที่หน้าจอได้อย่างเหมาะสม
  • การบริหาร/จัดการรูปภาพเป็นแบบ End-to-end คือได้ทั้ง Uploaded และ Download ที่ทำได้อย่างง่ายดาย
  • ไม่เฉพาะภาพอย่างเดียว ไฟล์วีดิโอ ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน

ไปลงทะเบียนเป็นเจ้าของ Web Albums ...คลิกที่นี่ ครับ http://picasaweb.google.com


ส่วนเจ้าโปรแกรม ปิคาซ่า (Picasa) ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ Picasa Web Albums ตัวนี้เป็นเยี่ยงไร ...มาดูกันต่อครับ

picasa-3

What is Picasa?

Picasa คือ ซอฟต์แวร์จัดการรูปภาพฟรี ที่จะช่วยให้เราค้นหาอย่างรวดเร็ว แก้ไข และแชร์รูปภาพทั้งหมดในคอมพิวเตอร์ของเรา

Picasa จะค้นหาที่อยู่ของรูปภาพของเราทั้งหมดอย่างอัตโนมัติ(แม้ว่าบางไฟล์บางโฟลเดอร์ เราอาจจะลืมไปแล้ว ว่าเคยมีอยู่) แล้วจัดไฟล์เหล่านั้นเป็นประเภท รวบรวมเข้าไว้ใน Visual folders โดยเรียงลำดับตาม ชื่อ(name) ขนาด( size) หรือวันที่(date)

เราสามารถใช้วิธีการลากแล้ววาง (drag and drop) เพื่อจัดการโฟลเดอร์ของเรา และทำ Albums เพื่อสร้างกรุฟใหม่ Picasa จะทำให้เรามั่นใจได้ว่ารูปภาพของเราจะถูกจัดให้เป็นระบบอยู่เสมอ

โดยเฉพาะการแก้ไขที่ยุ่งยาก Picasa จะทำให้มันเป็นเรื่องง่าย ๆ โดยการคลิกเพียงครั้งเดียว แต่ให้ผลลัพธ์ที่เกินคาด ในปลายนิ้วเดียว

และ Picasa ทำให้การแชร์รูปภาพของเราทำได้ในทันที โดยส่งทาง Email อับโหลดไปยัง Album online สั่งพิมพ์ภาพที่บ้าน ทำซีดีของขวัญ(gift CDs) และแม้กระทั่งโพสต์รูปขึ้นสู่ Blogger


หากสนใจที่จะใช้โปรแกรม Picasa ...หาได้จากปุ่มหน้าตาแบบนี้



ในบล็อกนี้ ครับ
สรุปแล้ว :
  • Blogger เก็บรูปที่เราโพสต์ไว้ใน Picasa Web Album ครับ รายละเอียดดังนี้ ครับ
    FTP Hostname คือ http://picasaweb.google.com/ชื่อUsername
    URL of image publishing folder คือ http://picasaweb.google.com/ชื่อUsername/ชื่อโฟลเดอร์ที่เก็บภาพ
  • เราสามารถเข้าไปใช้งานได้โดยตรง โดยพิมพ์ URL ตามข้างบนได้เลย แต่ชื่อ Username ต้องเป็นของเราเอง (Google Account) เมื่อเราใช้งาน เราสามารถที่ จะ
  • ได้ที่เก็บขนาดความจุมากถึง 1 Gb
  • สามารถฝากไฟล์รูปภาพ ฝากไฟล์ Video ได้ แล้วแชร์สู่สาธารณะชนก็ง่ายดาย
  • Uploaded หรือ Download ก็ทำได้้ง่ายๆ แบบพิกๆ
  • หรือจะใช้งานผ่านเจ้า ปิกาซ่า ก็ย่อมทำได้ ครับ
  • การใช้โปรแกรม Picasa ใช้งานเช่นเดียวกับโปรแกรมวิวภาพ จัดการภาพอย่าง ACDSee Photo Manager ครับ ซึ่งไม่แน่ว่าในวันข้างหน้า อาจเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวก็เป็นได้ ...เนื่องจากเป็นของฟรีที่ Google เค้าใจดีให้ใช้ฟรี ไม่มีคิดเงินแน่นอน

13 สิงหาคม, 2550

My Opera ...ทางเลือกสำหรับบล็อกเกอร์มือใหม่ (ภาคต่อ)

My Opera ...ทางเลือกสำหรับบล็อกเกอร์มือใหม่ (ภาคแรก)


จากตอนที่แล้ว มาพูดถึง My Opera ต่อ ซึ่งเป็น Blog Host อีกที่หนึ่งที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กำลังหัดทำ และต้องการความง่าย ที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไรมากนักด้วยตัวเอง ก็สามารถออกมาเ็ป็น Blog ที่สามารถเสนอเนื้อหา เรื่องราวที่ต้องการได้แล้ว

มารู้จัก และดูคุณสมบัติคร่าวๆ ของ My Opera ก่อน
  • My Opera เป็นบริการบล็อกฟรีของเบราว์เซอร์ Opera.com
  • ซึ่งตัวบล็อกจะคล้ายๆ กับไดอารีมากกว่า คือเน้นเกี่ยวกับแชร์รูปภาพ (Photo Sharing) และเรื่องราวส่วนตัว ...แต่ก็ไม่แน่ครับ เพราะมันอยู่ที่เราจะนำไปใช้มากกว่า
  • เป็น Blog Community ที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง ณ เวลาปัจจุบัน(ที่ผมเขียนอยู่นี้) มีสมาชิกเกือบล้านคนเข้าไปแล้ว (948630 members)
  • ได้เนื้อที่ทำบล็อกทั้งหมด 300 Mb
  • การจัดการบล็อก ก็ทำได้ด้วยเครื่องมือ ที่เป็นรูปภาพ ไอคอน ที่เข้าใจได้ง่ายๆ
  • ไม่มี ad ให้กวนตา กวนใจ ...นอกจากของ Opera ที่ให้ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์ Opera เอง (แหะ แหะ!)
มาดูความสามารถและคุณสมบัติของ Blog ที่เขียนด้วย My Opera ครับ ว่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง

Free blog service, with powerful features.

  1. Full RSS/Atom Syndication support
  2. Full HTML and BBCode support
  3. Customizable look and feel
  4. Upload your own images and attachments (อันนี้ เอาไฟล์ต่างๆ ไปฝากได้ด้วยน๊ะ)
  5. Limit posts to your specified friends only
  6. Mobile friendly blogs
  7. And much more!.. smilie

อา ...ทีนีมา้วิจารณ์เป็นข้อๆ กัน เท่าที่ลองใช้ดู
  1. ข้อนี้ก็น่าจะโอเคนะ
  2. มันไม่แสดงโค๊ด HTML ให้เห็นแบบ Blogspot หนะ ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปแก้ Html ได้อย่างไร
  3. อันนี้ก็เปลียนธีม (Theme) เปลี่ยน/เพิ่มเมนู หรือส่วนประกอบ(เท่าทีมีให้)ได้ แต่ทำได้น้อยกว่า Blogspot
  4. ข้อนี้ สามารถอับโหลดรูปภาพหรือ ขึ้นไปก่อนแล้วนำไปแทรกในบล็อกทีหลังได้ หรือจะเอาไฟล์ต่างๆ ไปฝากไว้ก็ได้)
  5. ข้อนี้คุณสมบัติทั่วๆ ไป
  6. เป็นบล็อกที่เป็นมิตรกับมือถือ อืออ ...ก็สามารถอับโหลดบล็อกผ่านมือถือ หรือจะดูบล็อกผ่านมือถือก็ได้มั๊ง
  7. และอื่นๆ สำหรับข้อนี้ อยากรู้ต้องลองดู
เท่าที่ลองสมัคร และใช้ดู ...ผลที่ได้ก็ถือว่าโอเค ใช้ได้ดีระดับหนึ่งทีเดียว เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือมือเก่า(ก็ได้) ที่ต้องการความเรียบง่าย ..ไม่ต้อง ...อะไรมากมาย
-----------------------------------------------------------
ข้อสังเกต ที่ได้จากการใช้งาน
  • เริ่มทำ Blog เมื่อเดือนกรกฎาคม 2007 นี้เอง ...แต่
  • คนเข้าดูปาเข้าไป ตั้ง 4366 คน แล้ว (โฮ๊ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ) ...ไม่อยากจะเชื่อ!
  • วัดด้วยบล็อก น้ำผลไม้ (Blog Juice Calculator) ก็ได้แค่ 3.0 เองครับ (แหะ แหะ)

  • เอ๊! ทำไมเจอแต่ชาวเวียตนาม(ห ว่า) เยอะจริงๆ แต่ชาวต่างชาติอื่นๆ ก็มีน๊ะ
  • การที่บล็อกให้ใส่ Tags ในเนื้อหา ทำให้เนื้อหาจะได้รับการค้นหาได้ง่ายขึ้น
  • สรุปแล้ว ...ดีครับ ดี!
Opera.com แต่จะดีได้แค่ไหน ก็ต้องลองใช้ดูเอง หรือหาความรู้จากผู้ที่ใช้มาก่อนครับ ... :-)

11 สิงหาคม, 2550

My Opera ...ทางเลือกสำหรับบล็อกเกอร์มือใหม่

สำหรับ บล็อกเกอร์มือใหม่ ตอนที่เริ่มจะทำ Blog ครั้งแรก มีปัญหามากมายให้ได้คิด เป็นต้นว่า


  • ไม่เข้าใจหนะว่ามันเป็นอย่างไร จะต้องเขียนอย่างไร เหมือนทำเว็บไซต์หรือเปล่า
  • จะตกแต่งอย่างไร จัดหน้าอย่างไร ยากไหม
  • ไม่เคยเรียนภาษา HTML มาก่อนด้วยสิ เวลาต้องปรับแต่งคงยากน่าดู
  • ใช้อะไรเขียนหละเนี่ย ...
  • ฯลฯ
แต่พอได้ศึกษาในเบื้องต้นแล้ว ก็พอจะทราบว่าต้องทำอย่างไร เช่น
  • ไม่ต้องเขียนแบบเว็บไซต์
  • ทำง่าย เข้าใจง่าย เรียนรู้เองได้ มีแหล่งที่จะให้ค้นหาข้อมูลมากมาย
  • อาจไม่ต้องรู้ Html ก็ได้ (แต่รู้บ้างนิดหน่อย ก็น่าจะดี)
  • ไม่ต้องหาทีฝาก (Web Hosting)
  • เขียน ออกแบบบนหน้าจอเลย แบบออนไลน์
  • เขียนเสร็จก็เผยแพร่ได้เลย
  • ฯลฯ
คิดว่าไม่มีปัญหาแล้วเชียว แต่ว่า ก็ยังมีข้อไม่แน่ใจอีกนิดหนึ่ง ก็คือ การเลือกว่าจะเขียนบล็อกกับเจ้าไหนดี? (Blog host) เพราะมีอยู่มากมายซะเหลือเกิน ทั้งของไทยและของต่างประเทศ
ตามความเห็นของผมเอง หลังจากได้สังเกตดู ด้วยการลองผิดลองถูก(ถูกมั่งไม่ถูกมั่ง)ไปแล้ว ก็ได้รู้ว่า...
หากคิดจะทำบล็อก ลองตั้งเป้าหมาย...ให้ชัดว่า "จะทำให้ใครอ่านดี" ระหว่าง
  • ทำให้คนไทยอ่าน(คนไทยเท่านั้น) ควรจะเลือก Blog Host ที่เป็นของไทยครับ เป็นต้นว่า
    http://www.exteen.com เจ้านี้ติดอันดับคนไทยเข้าใช้มากที่สุดแห่งหนึ่งทีเดียว โดยเฉพาะวัยรุ่น ครับ
    http://www.bloggang.com บริการบล็อกของพันทิปเค้า ชุมชนชาวบล็อกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
    และที่อื่นๆ อีกมากมาย ลองๆ สืบหาดู ที่ยกตัวอย่างมานี้ เห็นว่า เป็นที่ที่คนไทยเข้าเยอะจริงๆ ดังนั้น Traffic ที่มาจากคนไทยไม่ต้องพูดถึงเลย อยู่ที่ไทย เข้าง่าย(โหลดไว) คนไทยย่อมเห็นก่อนแน่นอน ...แต่ถ้า
  • จะทำให้คนต่างชาติอ่าน ก็ควรจะเลือก Blog Host ที่เป็นของต่างชาติดีที่สุด เหตุผลตรงข้ามกับข้างบน ตัวอย่างเช่น Blog ;
    http://www.blogger.com บริการหนึ่งของ Google การันตีคุณภาพด้วยชื่อได้ ยังไม่นับรางวัลที่ 1 บริการบล็อกประจำปี 2006 ด้วยนะเออ ...แน๊ะเอากับเค้าซิ
    http://www.wordpress.com เค้าบอกทำง่ายและสวยงาม มีธีมให้เลือกใช้มากมาย เขียนด้วย PHP (อันนี้ต้องลองดู)
ที่ชวนให้คิดเช่นนี้ก็เพราะ เคยทำบล็อกด้วย Blog Host ต่างประเทศ แล้ว คนอ่านที่เป็นคนไทยช่างน้อยเหลือเกิน ขนาดบล็อกที่ทำเป็นภาษาไทยแท้ๆ และมีชาวต่างประเทศหลงเข้ามาเป็นประจำ ซึ่งไม่ใช่ว่าเราจะไม่ต้องการให้เค้าเข้ามา ...แต่เรารู้สึกสงสารเค้าจัง ที่เข้ามาแล้ว อาจไม่ได้ในสิ่งที่เค้าต้องการ เช่น การที่เค้าใช้คำค้น หรือ Keyword ที่เป็นภาษาอังกฤษค้นหา
ตัวอย่าง คำที่ใช้ค้นหา ที่เจอในบล็อกเรา

Search keywords List

Searched keyword Visits %

images 6 21.43%

blog 4 14.29%

desktop 2 7.14%

blog exteen 1 3.57%

blog* 1 3.57%

แล้วปรากฤว่าเค้ามาเจอเช่นกัน ที่ Blog ของเรา ...คือเจอหัวข้อ หรือคำที่หาที่เป็นภาษาอังกฤษ แต่เนื้อหาเป็นภาษาไทย เค้าคงจะไม่รู้เรื่องแน่นอน เพราะเป็นภาษาที่เค้าไม่เข้าใจ ...น่าเห็นใจเค้ามากๆ ครับ แต่็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ในเมื่อเค้าค้นหาเจอแล้วนี่ จะกันเค้าก็ไม่ได้นี่ ดูตัวอย่างจากตารางนี้เลยครับ
Referrer sites List
URL Visits %
www.google.com 65 59.09%
www.keng.com/bloggertalk/index.php 12 10.91%
zickr.com/software/windows-live-writer 9 8.18%
www.zickr.com 4 3.64%
napatsa-06.spaces.live.com 3 2.73%
flyrocket.com/index.php 2 1.82%
blog.se-ed.net/wp-admin 1 0.91%
my.opera.com/yokey/blog 1 0.91%
search.msn.com 1 0.91%

ว่าส่วนใหญ่่เค้ามาจากไหนกันมั่ง ...เอาหละครับสำหรับวันนี้ ผมขอพักไว้เพียงแค่นี้ก่อนครับ ชักง่วงนอนแล้ว เลยขอพูดเป็นภาคต่อแล้วกันนะครับ คืนนี้ลาก่อนครับ :-)

Related Posts by LinkWithin

Related Posts with Thumbnails